Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

       

 

Home
IT Idea for Spiritization

คำทักทาย ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2549

สวัสดีครับ

                ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ อากาศในกรุงเทพเริ่มร้อนมากขึ้น แม้ช่วงเช้าจะพอมีลมเย็นพัดมาบ้างแต่เมื่อสายแล้วลมเย็นนั้นก็เปลี่ยนเป็นลมร้อน ยิ่งบรรยากาศการเมืองระอุมากขึ้นก็ยิ่งทำให้เมืองไทยแทบลุกเป็นไฟด้วยอำนาจโทสะ ก่อนวันมาฆบูชาหนึ่งวัน ความดันอากาศสูงนำอากาศเย็นมาปะทะอากาศร้อนทำให้เกิดฝนตกและอากาศเย็นลงบ้าง แต่ไม่ทราบว่าบรรยากาศการเมืองจะเย็นลงบ้างหรือไม่

                เมื่อผมจบปริญญาตรีใหม่ๆ ผมได้มีโอกาสศึกษาด้านการเมืองกับนักการเมืองอาวุโสหลายคน รวมทั้งได้เคยเห็นเหตุการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด ผมจึงตระหนักดีว่าผมไม่สามารถทำงานด้านการเมืองได้ ผมไม่สามารถพูดคุยกับผู้คนอย่างยิ้มแย้มเป็นกันเองพร้อมกับแสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่เมื่อคล้อยหลังแล้วก็รีบสั่งให้ลูกน้องไปจัดการกับคนที่พูดกันอยู่เมื่อครู่ได้ ผมทำงานกับคอมพิวเตอร์ หน้าที่ของผมก็คือสั่งงานคอมพิวเตอร์อย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องตามตรรกะมากที่สุด ไม่สามารถบอกให้คอมพิวเตอร์ทำงานเบี้ยวไปเบี้ยวมาได้

               เหตุการณ์ทางการเมือง และสังคมของไทยที่ผมประสบและได้สังเกตต่อเนื่องมาสี่สิบปีนั้นบ่งบอกชัดเจนว่า เมืองไทยเราก็คงเจริญได้เพียงแค่นี้ และที่จริงเราอาจจะผ่านพ้นยุคทองมาแล้วด้วยซ้ำ ในอนาคตเราจะไม่มีอาจารย์ที่เก่งระดับโลก ไม่มีนักการเมืองที่คนทั่วโลกยอมรับในความสามารถและความซื่อสัตย์สุจริต และไม่มีนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์อีกต่อไป

                ลองพิจารณาดูก็ได้ครับ ลองตรวจสอบว่าทุกวันนี้เราใช้เงินทองไปเพื่ออะไรบ้าง เงินจำนวนมากถูกใช้ไปเพื่อการพูดโทรศัพท์ที่ไร้สาระ ส่ง SMS ด้วยภาษาที่ผิดๆ ถูกๆ และไม่มีประโยชน์ต่อทั้งผู้ส่งและผู้รับ ดูภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ไม่ได้สร้างสรรค์ปัญญา ดูข่าวที่คนพูดไม่ค่อยมีปัญญาสรุปเหตุการณ์ได้อย่างถูกต้อง และอ่านหนังสือพิมพ์ที่มีแต่ข่าวไร้สาระ สิ่งที่คนไทยใช้เงินทองซื้อและเสียเวลาไปนั้น ไม่ได้ทำให้คนไทยฉลาดขึ้น หรือทำให้ประเทศชาติร่ำรวยขึ้นเลย ตรงกันข้าม เรากลับจะต้องไปเสียเงินทองซื้ออุปกรณ์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาใช้เป็นเงินคราวละมากๆ

               อย่าไปเสียใจมากนักเลยครับ ไม่ต้องเสียดายว่าทำไมเราไม่มีวีรบุรุษ ไม่ต้องคร่ำครวญว่านักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ และนักกฎหมายชั้นยอดของเราอุตส่าห์สร้างรัฐธรรมนูญฉบับสุดยอดออกมาได้แล้ว แต่ทำไมจึงไม่สามารถทำให้การเมืองไทยมีวุฒิภาวะได้

               คำตอบง่ายๆ ก็คือ คนที่เป็นนักการเมือง และ ผู้บริหารประเทศ ไม่มีจิตสำนึกที่ดีที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้านั่นแหละครับ คนเหล่านี้มีสำนึกอยู่อย่างเดียวว่าจะหาประโยชน์จากแผ่นดิน จากทรัพยากรธรรมชาติ และจากความโง่เขลาของประชาชนได้อย่างไร

               ถ้ามีจิตสำนึกที่ดี และพยายามระลึกเรื่องนี้อยู่เสมอ ก็จะทำให้เกิดคุณธรรม และเมื่อมีคุณธรรมประจำตัวแล้ว ถึงประเทศจะไม่มีรัฐธรรมนูญ พวกเขาก็ยังสามารถทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าได้ ปัญหาก็คือเวลานี้เราไม่สามารถมองหาคุณธรรมได้ง่ายๆ เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะมีคนเอาไปเก็บใส่ตู้ไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่เพราะมีคนนำใส่โลงนำขึ้นเมรุเผามอดไหม้ไปหมดแล้ว

               คอยดูต่อไปเถอะครับ เมืองไทยในอนาคตยิ่งจะสับสนมากขึ้น เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาข้างต้นนี้แหละ

               เมื่อช่วงวันหยุดสามวันนั้น ผมได้มีโอกาสไปเดินดูงานวันมาฆบูชาที่สนามหลวง ปีนี้เขาจัด 5 วัน และ ตั้งเต็นท์ออกร้านขายหนังสือ เทป ซีดี และสินค้าอื่นๆ เพียงครึ่งเดียวของสนามหลวงเท่านั้น แม้จะมีฝนตกสร้างความยุ่งยากให้แก่ผู้มาออกร้านขายสินค้าและผู้มาเดินซื้อหนังสือเหล่านั้น แต่ก็ยังมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเดินชมงานกันคับคั่ง

               เรื่องน่าสนใจก็คือ สื่อต่างๆ ที่นำมาเผยแพร่นั้นเริ่มทันสมัยมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ซีดีแบบ MP3 บรรจุคำบรรยายและ เทศนานั้นมีออกมามากขึ้น ที่น่ายินดีก็คือ MP3 ของพระเทพดิลก หรือ พระมหาระแบบ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งผมได้ฟังเทปของท่านมาหลายสิบปีแล้ว บัดนี้ก็เริ่มทยอยออกมาแล้ว และที่เป็น collection ที่ดีก็คือ พระธรรมเทศนาและคำบรรยายธรรมของสมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ ผมเคยอ่านข้อเขียนของท่านพลตำรวจเอก วสิษฐ์ เดชกุญชร ที่เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแนะนำให้ฟังเทปคำสอนของพระสังฆราช แล้วจะได้ประโยชน์มาก แต่ต้องพยายามตั้งใจฟังให้เข้าใจ

               VCD เกี่ยวกับการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานในอินเดีย ก็มีหลายชุด หลายเต็นท์นำเครื่องฉายมาฉายให้ดูผู้สนใจนั่งชมกันด้วย

               ผมคิดว่าการมีงานฉลองวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาปีละสามครั้งแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะทำให้ผมได้มารับทราบข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของวัดต่างๆ และได้นำเอาคำสอนของพระสงฆ์และผู้รู้หลายๆ ท่านไปศึกษาที่บ้าน นอกจากนั้นนานๆ ทีก็ได้รับทราบจากการเดินชมงานเหล่านี้แหละว่าผู้รู้หลายคนก็ได้อำลาโลกนี้ไปแล้ว

               มีผู้สนใจเว็บผมบางคนถามมาว่า คนเรานี้เกิดมาทำอะไร คำตอบของผมนั้นอาจจะมีได้หลายเวอร์ชันตามอารมณ์และตามความคิดเห็นของผมเองว่าคนถามต้องการได้คำตอบแบบไหน แต่ถ้าจะให้ประมวลตอนนี้ก็คือ

  • เกิดมาเพื่อสร้างบารมี
  • เกิดมาเพื่อเรียนรู้ความจริงของธรรมชาติ
  • เกิดมาเพื่อกำหนดรู้และเข้าใจทุกข์
  • เกิดมาเพื่อปฏิบัติธรรม

               ถ้าหากท่านคิดว่านี่เป็นคำตอบที่แสวงหา ผมก็ขอแนะนำว่าเมื่อถึงวันวิสาขบูชาในอีกสามเดือนข้างหน้าก็ควรไปเดินชมงานพระพุทธศาสนาที่สนามหลวงดูบ้าง และหวังว่าทาง กทม. จะยอมให้จัดงานพระพุทธศาสนาไปเรื่อยๆ นะครับ

 

 

ครรชิต มาลัยวงศ์

 

Back