Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

       

 

Home
IT Idea for Spiritization

คำทักทาย ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2548

สวัสดีครับ

        เผลอไปไม่ทันใด วันเวลาก็ผันเปลี่ยนมาถึงเดือนพฤศจิกายนแล้ว ฝนเริ่มซาลงในภาคกลาง และไปหนักมากขึ้นในภาคใต้ เมื่อเร็ว ๆ นี้เองฝนก็ตกจนน้ำท่วมบางสะพานใหญ่ พวกเราคงจำได้นะครับว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ก็เป็นช่วงนี้แหละ เพราะแนวฝนของประเทศเราจะเลื่อนลงไปทางใต้เรื่อยๆ จนจบฤดูกาล

        ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปเดินงานหนังสือสามครั้ง แต่ละครั้งเป็นช่วงสั้นๆ คือเลือกไปในราว 10 น. พอเดินได้สักสองชั่วโมงผู้คนก็แน่นมากจนผมยอมแพ้ ไม่อยากเบียดผู้คนที่เข้ามาเลือกอ่านเลือกซื้อหนังสือกันมากจริง ๆ

        การมีผู้คนมาเลือกซื้อหนังสือมากๆ อย่างนี้เป็นนิมิตที่ดีครับว่าความคิดของสมาคมหนังสือฯ ที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหนังสือของโลกนั้นมีโอกาสเป็นจริงได้ ผมเองก็ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขว่าการที่จะเป็นเมืองหนังสือได้นั้นต้องมีอะไรบ้าง แต่ถ้าหากจะดูจากหนังสือที่มีจำหน่ายนั้น ผมคิดว่าเรายังอยู่ห่างไกลจากการเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมการอ่าน เพราะหนังสือที่มีจำหน่ายนั้นดูเหมือนจะเป็นพวกอ่านเล่นๆ สนุกๆ กันมากกว่าหนังสือที่อ่านแล้วได้สาระความรู้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือหนังสือที่จะทำให้คนอ่านฉลาดขึ้น

        การที่คนไทยอ่านหนังสือมากนั้น ผมเห็นว่าทำให้คนไทยฉลาดขึ้นแน่ๆ ครับ แต่ผมยังรู้สึกเป็นห่วงว่าคนไทยฉลาดขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าคนประเทศอื่นหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีสถิติยืนยันครับ ได้แต่ดูจากพฤติกรรมของคนไทยโดยเฉพาะที่สะท้อนมาจากนักศึกษา ดังต่อไปนี้

  • นักเรียนนักศึกษาเวลานี้อ่านเฉพาะเนื้อหาที่จดมาจากที่อาจารย์บรรยาย หรืออ่านเฉพาะใน sheet ที่อาจารย์แจกเท่านั้น ไม่ได้อ่านหนังสือประกอบอื่นๆ หรือไม่ได้เทียบเนื้อหาที่เรียนกับที่อยู่ในหนังสืออื่น
  • นักศึกษาปริญญาโทของผม ไม่ยอมเสียเงินซื้อตำราทั้งๆ ที่กำหนดว่าเป็นตำราที่จะใช้เรียน
  • เมื่อกำหนดให้อ่านตำรามาล่วงหน้า ไม่มีใครอ่านมาเลย
  • ในยามว่างจากชั่วโมงเรียน นักศึกษาทั้งหญิงและชายอ่านการ์ตูนแปลจากภาษาญี่ปุ่น
  • หนังสือดี ๆ ในห้องสมุดไม่มีนักศึกษายืมออกไปอ่าน
  • นักศึกษาบางคนที่อ่านเนื้อหาวิชากับเขาบ้าง เริ่มนิยม "อ่านทางเว็บ" แต่บอกไม่ได้ว่าเนื้อหาที่อ่านมานั้นควรแก่การเชื่อถือหรือไม่
  • เนื้อหาที่นักศึกษาอ่านไม่ได้ซึมซับจนกระทั่งเป็นส่วนหนึ่งของความรู้ประจำตัวนักศึกษา

        โดยภาพรวมแล้ว ผมรู้สึกเสียดายครับที่ผู้บริหารประเทศในอดีตไม่ได้ปลูกฝังนิสัยให้คนไทยรักการอ่าน หรือเป็นคนที่รักการเรียนรู้และชอบการตรวจสอบความถูกต้องและน่าเชื่อถือได้ของข่าวสารที่ได้รับ ด้วยเหตุนี้เราจึงมีหนังสือพิมพ์ที่ยัดเยียดข่าวอาชญากรรมที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ ข่าวคาวของบรรดาดาราต่างๆ รวมไปถึงข่าวที่ไร้สาระเต็มหน้ากระดาษ ทำให้นิสัยการแสวงหาความรู้และข่าวสารของคนไทยถูกจำกัดอยู่แต่เพียงการชี้นำของคนบางกลุ่มเท่านั้น

        รวมแล้วผมก็กลับมาเริ่มบ่นอีกแล้ว แต่ก็ขอนำมาเสนอให้คิดกันครับว่าเราจะสอนลูกหลานของเราอย่างไรในเรื่องการแสวงหาความรู้ รวมถึงการประเมินความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ได้รับฟังหรือที่ได้อ่านมา เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นคนไทยที่ฉลาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต

 

 

ครรชิต มาลัยวงศ์

 

Back