Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

       

 

Home
IT Idea for Spiritization

คำทักทาย ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548

สวัสดีครับ
    
        ช่วงนี่กรุงเทพฯ เริ่มร้อนแล้วครับ ที่ร้อนนี่ก็มีทั้งร้อนอุณหภูมิ ร้อนใจ ร้อนเงิน และร้อนตำแหน่ง
โดยเฉพาะคือตำแหน่ง ส.ส.  เมื่อผมมองย้อนกลับไปดูข้อเขียนของผมในนิตยสารต่าง ๆ ผมก็พบว่า
ผมเขียนด้วยความคาดหวังในตัวผู้บริหารทุกท่านสูงไป เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดว่าควรจะเป็น
ก็เลยรู้สึกอึดอัดขัดข้อง แล้วก็เลยมาระบายออกเป็นข้อเขียนยกตัวอย่างเช่น
ผมรู้สึกรำคาญมากเมื่อต้องนั่งรถแทกซี่ไปสนามบินแล้วคนขับเปิดเพลงสมัยใหม่ซึ่งผมฟังไม่ออกว่าเป็นเพลงหรือเปล่า
นอกจากนั้นยังได้ยินเพลงเก่า ๆ ที่นักร้องสมัยใหม่นำมาร้องใหม่ด้วยสำเนียงพิลึกพิลั่นและผมเห็นว่าไม่มี
ความไพเราะเอาเลยเมื่อไปพูดที่ไหนผมก็พูดว่าเพลงยุคใหม่นี้ไร้ความไพเราะเสนาะหู แต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
ผมไปงานคืนสู่เหย้าของวิศวะ จุฬาฯ และได้ยินนิสิตร้องเพลงเชียร์แล้วผมก็ปลง เพราะเพลงเชียร์ยุคใหม่นั้น
ก็ไม่เข้าหูผม (และเพื่อน ๆ เหมือนกัน) ผมกลับมาบ้านแล้วก็คิดว่า โลกก็เป็นไปอย่างนี้แหละ มันหมุนเวียนไปเรื่อย
ผ่านเหตุการณ์แต่ละยุคไปไม่ได้หยุด ความงาม หรือความสวย ในยุคหนึ่งซึ่งมองผ่านสายตายุคหนึ่ง ก็เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อมองผ่านสายตาอีกยุคหนึ่ง แล้วผมจะไปคาดหวังอะไรนักหนาจากนักแต่งเพลงหรือนักร้องคิดอย่างนี้แล้ว
ผมก็เริ่มจะไม่เดือดร้อนรำคาญมากนักแล้ว แต่ก็ยังกลัวอยู่ว่า หากมาตรฐานด้านความดีในสายตาของคนยุคหนึ่ง
ถูกเปลี่ยนแปลงไปในสายตาของคนอีกยุคหนึ่งแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น และอันที่จริงแล้วก็น่าสงสัยว่า ความดีนั้น
มีมาตรฐานที่สมบูรณ์เที่ยงแท้หรือไม่ยกอีกตัวอย่างหนึ่งคือ หากต่อไปนี้มนุษย์เกิดมากขึ้น ๆ จนกระทั่งไม่มีอาหาร
สำหรับเลี้ยงดูชาวโลกพอเพียง แล้วเกิดมาตรฐานใหม่ว่า ลูกที่อายุ 25 จะต้องฆ่าพ่อแม่เพื่อให้มีอาหารพอเพียงสำหรับ
คนรุ่นใหม่ที่จะเกิดขึ้น แบบนี้จะเป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ ที่ปรารภมานี้ก็เป็นแบบสุด ๆ นะครับ อย่าไปซีเรียสอะไร
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ หลายครั้งในวันสุดสัปดาห์ การเดินทางปัจจุบันนี้สะดวกสบายมาก แต่เที่ยวบินรอบค่ำที่มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ จากบางจังหวัดค่อนข้างล่าช้า เพราะปัญหาความคับคั่งของสนามบินดอนเมือง ทำให้เครื่องบินที่จะบินขึ้นต้องรอคิวนานมาก
เมื่อบินมาถึงช้าก็เลยต้องออกช้า เป็นงูกินหางไปเรื่อย ๆ แต่เที่ยวบินที่มาถึงก่อนกำหนดก็มีครับ คือจากต่างจังหวัดนั้นหากคนซื้อบัตรโดยสารมาเช็คอินครบแล้ว นักบินก็จะออกเดินทางเลย แบบนี้ก็ดีครับ
ผมเชื่อว่าผู้โดยสารยินดีที่จะมาถึงก่อนมากกว่ามาถึงช้า อย่างไรก็ตามมีปัญหาอยู่หน่อยหนึ่งสำหรับเที่ยวบินที่มาถึงดึก
เพราะมักจะไปจอดไว้กลางลาน แล้วให้ผู้โดยสารลงมาขึ้นรถไปยังเทอร์มินัล เรื่องนี้ดีตรงไม่ต้องเดินไกล
แต่ไม่ดีสำหรับผู้ที่มีกระเป๋าหนัก ๆ แล้วต้องแบกลงบันไดไปขึ้นรถรับส่งครับ ขึ้นเครื่องบินไปไหนมาไหนสะดวก
จริงอยู่ แต่เราต้องนั่งแออัดกันราวกับปลากระป๋อง ดีหน่อยที่ไม่มีน้ำเหนียว ๆ ราด การนั่งแออัดนั้นเป็น
ความไม่หรรษามากสักหน่อยครับ ถ้าหากคุณเจอะปัญหาต่อไปนี้
   1. คนที่นั่งติดกับคุณตัวใหญ่มาก (อาจเป็นฝรั่ง) และเขาวางแขนบนที่กั้นระหว่างที่นั่ง
    จนกระทั่งทำให้คุณต้องนั่งตัวลีบ
   2. คนที่นั่งข้าง ๆ คุณ คุยกันไม่ได้หยุดด้วยเสียงดังมาก
   3. บางคนที่นั่งล้อมหน้าล้อมหลังคุณมีลมในท้องมากไป จนต้องผายออกมาให้คลุ้งไปหมดทั้งบริเวณ
   4. คนที่นั่งติดกับคุณมีกลิ่นปากร้ายกาจ เมื่อหายใจออกมาทีหนึ่ง ความเหม็นจากปากก็คลุ้งออกไปไกลครึ่งเมตร
   5. คนที่นั่งใกล้กับคุณพาเด็กซึ่งร้องไห้ไม่ได้หยุดระหว่างการเดินทาง แต่พอลงจากเครื่องปุ๊บเด็กคนนั้นกลับ
    วิ่งปร๋อ แถมยังหัวร่อร่าอีก

       นี่เป็นเพียงตัวอย่างของปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆบนเครื่องบินครับ ผมขอสารภาพว่าไม่เคยนั่งรถ บขส. ไปต่างจังหวัดเลย
แต่ก็คิดว่าปัญหาคงเป็นแบบเดียวกันและน่าจะร้ายกว่าเพราะที่นั่งบนรถนั้นแคบกว่าบนเครื่องบินในช่วงปลายเดือนก่อน
ผมไปบรรยายมาหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้เรียบเรียงเนื้อหาให้ดี ขอยกยอดไปก่อนครับ อย่างไรก็ตามผมได้เขียนสรุป
เรื่องย่อ ๆเกี่ยวกับข่าวทางด้านไอทีไว้สองข่าว ใครสนใจก็ติดตามอ่านได้ครับ

ครรชิต มาลัยวงศ์

 

 

 

Back