Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

 

Home
IT Idea for Spiritization

 

รู้ซึ้ง จึงสวด  นะโม ตัสสะ..
ประเสริฐ บุญตา
สำนักพิมพ์
Knowledge Plus  ตุลาคม 2546  หนา 96 หน้า

                ชื่อหนังสือนี้ก็บอกแล้วว่าเป็นหนังสือพุทธศาสนา และเน้นที่การสวดมนต์   ความจริงหนังสือสวดมนต์มีมากด้วยกัน  หนังสือสวดมนต์เล่มเล็กบางนั้นมีผู้พิมพ์แจกมากรายด้วยกัน  ส่วนเล่มที่หนาและมีบทสวดมนต์หลายบทนั้นมักจะพิมพ์จำหน่าย และมีทั้งชนิด 7 ตำนาน 12 ตำนาน  หนังสือสวดมนต์เหล่านี้มีคำแปลด้วย  แต่แปลแบบบาลี  คือแปลตรงไปตรงมา ใช้ศัพท์สำนวนแบบภาษาวัด  นั่นคือแปลแล้วก็ยังอ่านเข้าใจยาก  

                หนังสือของคุณประเสริฐเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือสวดมนต์  แต่เป็นหนังสืออธิบายบทสวดมนต์ให้เป็นภาษาง่าย ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย  และนำบทสวดมนต์มาขยายความเพื่ออธิบายหลักการสำคัญของพุทธศาสนาอย่างสั้น ๆ ไม่เยิ่นเย้อ

                คุณประเสริฐเขียนเหตุผลของการเขียนหนังสือเล่มนี้ไว้ในคำนำว่า 

1.        เพื่อทำให้ตนเองเข้าใจพระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น

2.        หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่สงสัยใคร่รู้เช่นเดียวกับคุณประเสริฐ ได้เริ่มรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น

3.        เพื่อบูชาคุณบุพการี               

                แนวคิดในการศึกษาตามแบบของคุณประเสริฐนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก  และที่จริงถูกหลักการมากที่สุด  นั่นคือ 1. จะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง  2.  ศึกษาศัพท์และทำความเข้าใจความหมายของศัพท์ให้ลึกซึ้ง  เพราะการสื่อสารด้วยภาษานั้นจำเป็นจะต้องเข้าใจความหมายของคำที่ใช้ให้ตรงกัน  3.  บันทึกเรื่องที่ได้เรียนรู้เอาไว้เป็นหมวดหมู่  4. นำเรื่องที่เรียนรู้มาเชื่อมโยงกัน  5.  ตรวจสอบความรู้นั้นกับเอกสารพื้นฐาน  หรือกับผู้เชี่ยวชาญ

                เมื่อผมอ่านหนังสือเล่มนี้ดูแล้ว  ก็พบว่าคุณประเสริฐได้ทำตามหัวข้อเหล่านี้จริง  ทำให้ผมยิ่งเชื่อว่าคุณประเสริฐเริ่มเข้าใจพระพุทธศาสนามากขึ้นอย่างที่ปรารภไว้ในคำนำ

                ความจริงแล้วการสวดมนต์นั้น  พวกเราชาวพุทธคงจะได้ทำมาแต่เด็กแล้ว  เพราะทุกเช้าเราจะต้องสวดมนต์ก่อนเข้าเรียน  จะยกเว้นก็แต่เฉพาะเพื่อนชาวมุสลิมที่ไม่ต้องมาสวดมนต์ด้วย 

                ปัจจุบันมีพระภิกษุหลายท่านที่แนะนำให้สวดมนต์  ท่านแรกที่อยากกล่าวถึงคือ หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน สิงหบุรี  ซึ่งท่านสอนให้ทุกคนสวดอิติปิโส เป็นจำนวนจบเท่าอายุ  ท่านบอกว่าจะมีอานิสงค์มาก  เมื่อสวดไปนาน ๆ แล้วปัญหาที่เคยรุมเร้าก็จะทุเลาไปหรือหมดไป

                พระภิกษุอีกท่านหนึ่งก็คือ ท่านอาจารย์ ดร. สิงหทน  ซึ่งท่านเคยโด่งดังสมัยสมเด็จป๋า วัดพระเชตุพน  เพราะท่านออกมาคัดค้านการปลุกเสกพระ  ต่อมาท่านได้ลาสิกขาไปเป็นอาจารย์ที่เชียงใหม่ และประกอบธุรกิจส่วนตัว  หลังจากนั้นท่านได้หวนกลับมาอุปสมบทใหม่อีกครั้ง  ท่านได้เขียนหนังสือเล่มเล็กเล่าถึงอานุภาพของการสวดมนต์เอาไว้อย่างน่าสนใจมาก  นอกจากนั้นยังมีผู้กล่าวว่าท่านสวดมนต์ได้ไพเราะนัก  แต่ละวันท่านใช้เวลาสวดมนต์บทต่าง ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

                จำได้ว่าเคยอ่านพบเรื่องการสวดมนต์ว่า  คาถาต่าง ๆ ในบทสวดมนต์นั้น คนโบราณคิดขึ้นเพื่อให้เราฟังมากกว่าอ่านออกเสียง  แต่การสวดมนต์โดยการออกเสียงดัง ๆ ก็เป็นกรรมวิธีที่จะกระตุ้นประสาททุกส่วนในร่างกายของเราได้  อีกทั้งเป็นเครื่องมือในการสร้างสมาธิได้อย่างยอดเยี่ยม  ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้มิตรสหายทุกท่านสวดมนต์ดัง ๆ ทั้งเช้าและเย็นโดยทั่วหน้ากันเทอญ

 

Back