สุดยอดแปดเซียน
เคล็ดไฮเทคสุขภาพอายุ
แก้วชาย ธรรมาลัย แปลและเรียบเรียง
สำนักพิมพ์ตรงหัว มีนาคม 2542
ผมเคยอ่านประวัติของแปดเซียนมานานกว่าสามสิบปีแล้ว จำได้ว่าเป็นหนังสือภาพที่แปลมาจากภาษาจีน พิมพ์สี่สีสวยงาม ผู้พิมพ์คือสำนักพิมพ์นานมี แต่อ่านหนังสือภาพไม่ค่อยจุใจเท่าใด ดังนั้นเมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา เมื่อผมพบหนังสือเล่มนี้วางขายลดราคาในงานวันมาฆบูชาที่บริเวณรอบสนามหลวง ผมจึงซื้อมาอ่านอีก แต่อ่านแล้วก็ยังไม่จุใจอยู่ดีเพราะประวัติเซียนทั้งแปดท่านนั้นมีน้อยมาก ดูเหมือนจะน้อยกว่าที่ผมเคยอ่านมาแล้วเสียอีก
อย่างไรก็ตามส่วนที่มีเพิ่มจนทำให้หนังสือหนาขึ้นมาถึง 387 หน้า ก็คือคำบรรยายเกี่ยวกับการศึกษาและฝึกฝนเพื่อเป็นเซียน เนื้อหาส่วนนี้มีทั้งการคิดดี การปฏิบัติดีเช่น การ ช่วยเหลือผู้อื่น การงดการกระทำที่เลวร้าย การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย
คุณแก้วชายซึ่งเป็นผู้แปลได้สรุปว่าบัญญัติ 10 ประการของผู้ที่ต้องการเป็นเซียน ก็คือ
- ไม่มัวเมาในกามารมณ์
- ไม่ล่วงละเมิดทำผิดกฎหมาย
- ไม่ดื่มสุราจนเมามาย
- ไม่สกปรกเลอะเทอะ
- ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดในวันเกิดพ่อแม่
- ไม่ใช้เนื้อสัตว์ทุกชนิดมาเลี้ยงฉลองในวันเกิดของตนเอง
- ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
- ไม่กินพืชผัก ๕ ชนิด คือ พริก หอม กระเทียม พริกไทย กึ้นไฉ่
- ไม่พล่าผลาญสังหารสิ่งมีชีวิต แม้จะเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ
- ไม่สร้างห้องส้วมไว้ทางทิศเหนือ ไม่ก้มลงมองขาอ่อนและสะโพกผู้หญิง
อ่านดูแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ เพราะข้อ 7 นั้นคลุมข้อ 5 อยู่แล้ว ดังนั้นจึงอาจจะมีอะไรที่ผิด ๆ อยู่บ้าง ผมบังเอิญไม่ได้อ่านเรื่องของจีนมากนัก จึงไม่ทราบว่าเหตุใดการเป็นเซียนจึงห้ามรับประทานพืชผัก ๕ ชนิดตามข้อ ๘ เพราะเวลานี้ทางแพทย์ได้บอกว่ากระเทียมเป็นยาที่มีฤทธิ์พิสดารหลากหลาย จนกระทั่งมีการนำมาทำเป็นแคปซูลขายแล้ว ผมเองยังต้องหาซื้อมารับประทานด้วยเพราะเป็นโรคไขมันในเลือดสูง นอกจากนั้นผมยังชอบรับประทานอาหารเผ็ดอยู่ด้วย ดังนั้นผมจึงไม่สามารถจะฝึกเป็นเซียนได้แน่ ๆ
คุณแก้วชายได้อธิบายเรื่องความเป็นเซียนควบคู่ไปกับเรื่องของเต๋า แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้มากนัก เพราะเรื่องเต๋าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และน่าศึกษามาก ในด้านหนึ่งเราอาจจะเห็นว่าคำอธิบายเต๋าเหมือนกับการเล่นคำ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็แสดงว่าเต๋านั้นอยู่เหนือคำพูดสมมุติใด ๆ ของชาวโลก ดังนั้นจึงไม่สามารถจะอธิบายได้ง่าย ๆ
ส่วนที่เป็นประวัติของเซียนทั้งแปดท่านนั้น ถ้าหากใครยังไม่เคยรู้มาก่อนก็เหมาะที่จะอ่านให้รู้ เพราะจะได้มีความซาบซึ้งมากขึ้นเมื่อเห็นภาพเซียนทั้งแปดที่ปรากฏในที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะคือคุณธรรมที่แต่ละท่านต้องปฏิบัติเพื่อให้บรรลุความเป็นเซียน
เซียนท่านแรก คือ น่าไฉ่ฮั้ว เป็นผู้มีนิสัยมักน้อย ชอบจาริกพเนจร พอใจในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่านแต่งกายรุ่มร่าม ใส่เสื้อผ้าขาด คาดพุงด้วยสายคาดเอวสีดำ สวมรองเท้าขาด ๆ ข้างเดียว เที่ยวเร่ร่อนร้องเพลงเป็นโศลกธรรม มีกรับไม้ยาว 3 ฟุต เป็นเครื่องให้จังหวะ รูปของท่านอาจจะถือกระเช้าดอกไม้
เซียนท่านที่สองคือ ท่าน ทิก้วยลี้ เดิมท่านชื่อหลีหมิงหยาง มีรูปร่างบึกบึนสมส่วนเกิดสมัยราชวงศ์จิว บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นเซียน สามารถถอดวิญญาณไปท่องเที่ยวได้ วันหนึ่งท่านได้นัดกับท่านไท้เสียงเล่ากุนซึ่งเป็นเทพชั้นสูงเพื่อไปท่องเที่ยวที่เขาหัวซานเป็นเวลา 7 วัน ท่านจึงให้ศิษย์เฝ้าดูร่างของท่านไว้ แต่พอครบหกวันศิษย์ของท่านได้ข่าวว่ามารดาป่วย จำเป็นต้องไปดูใจมารดา และเห็นว่าท่านไม่กลับเข้าร่าง จึงได้เผาร่างท่านไป พอครบเจ็ดวันท่านกลับเข้าร่างไม่ได้ พอดีไปพบร่างขอทานชื่อทิก้วยลี้เพิ่งตายลงพอดี วิญญาณท่านจึงไปเข้าร่างของทิก้วยลี้ ตั้งแต่นั้นมาร่างของท่านก็เลยกลายเป็นร่างขอทานพิการ ต้องใช้ไม้เท้าเหล็กค้ำ
เซียนท่านที่สามคือ ท่าน ลื่อตั่งปิง ท่านผู้นี้มีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรง สูงแปดศอก มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น สนใจศึกษาหนังสือเพื่อไปสอบเป็นจอหงวน แต่ไม่มีสินบนไปให้พนักงานแม้จะมีความรู้ดีก็สอบไม่ผ่าน เซียนฮั่งเจ็งลี้ จึงมาโน้มน้าวพาท่านไปปฏิบัติธรรมจนบรรลุเป็นเซียน
เซียนท่านที่สี่ เป็นเซียนหญิงชื่อ ท่าน ฮ้อเซียงโกว ท่านเป็นบุตรีของเจ้าของร้านขายยา และสนใจในธรรมะมาก เมื่อยังเด็กได้พบกับเซียนซึ่งให้รับประทานลูกท้อวิเศษ พอโตขึ้นท่านรักษาพรหมจรรย์ ไม่ยอมแต่งงาน แต่ปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นเซียน
เซียนท่านที่ห้า คือ ท่าน ฮั้งเจ็งลี้ เซียนท่านนี้เป็นนักรบที่มีความสามารถสูง ในชาติก่อนท่านเป็นเทพทำหน้าที่รักษาคัมภีร์ธรรมะ แต่เผลอตัวไปมีสัมพันธ์กับเทพธิดาของเง็กเซียนฮ่องเต้ จึงถูกสาปให้มาเกิดเป็นมนุษย์ ขณะท่านทำสงครามอยู่ เซียนทิก้วยลี้ ได้บอกวิธีการให้ศัตรูของท่านได้ชัยชนะ ขณะที่ท่านรบแพ้และมีจิตใจท้อแท้นั้น เซียนทิก้วยลี้ยก็มาสอนให้ท่านเข้าใจความเป็นไปของโลก ทำให้ท่านหันมาปฏิบัติธรรมจนบรรลุเป็นเซียน ลักษณะของท่านคือ พุงพลุ้ย ผมของท่านทำเป็นผมแกละสองข้าง มือหนึ่ง ถือพัด
เซียนท่านที่หก คือ ท่าน ฮั้นเซียงจื่อ มีนิสัยชอบความสงบ รักการอ่านหนังสือธรรมะ พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็กอยู่ และได้เป็นบุตรบุญธรรมของอาซึ่งเป็นขุนนาง ท่านไม่ต้องการเป็นขุนนาง จึงหนีไปสืบเสาะหาอาจารย์ และได้ไปพบกับเซียน ฮั่งเจ็งลี้ และ ลื่อตั่งปิง จึงมอบตัวเป็นศิษย์ และได้สำเร็จเป็นเซียน รูปของท่านฮั้นเซียงจื่อ มักจะมีรูปนกกระเรียนอยู่ด้วย เพราะเป็นพาหนะของท่าน
เซียนท่านที่เจ็ด คือ ท่าน เชาก๊กกู๋ ท่านเป็นน้าชายของซ้องจินจงฮ่องเต้ และมีน้องชายเสเพลชื่อ เชากั๋วจิว ท่านเอือมระอาความประพฤติของน้องชายมาก จึงเข้าสู่ป่าปฏิบัติวิถีแห่งเต๋าจนรู้แจ้ง และได้เป็นเซียนในที่สุด รูปของท่านจะมีลักษณะสวมหมวกยศเชื้อพระวงศ์
เซียนท่านที่แปด คือ ท่าน เตียวก๋วยเล่า ท่านเป็นเซียนผู้เฒ่ามีอายุยืน สามารถเนรมิตลาให้เป็นสัตว์พาหนะได้ เรื่องของท่านไปเข้าหูพระนางบูเช็กเทียน ซึ่งให้ทหารไปพาท่านมาเฝ้า แต่ท่านกลับเนรมิตให้ตัวท่านกลายเป็นศพมีสภาพเน่าเปื่อย ต่อมาฮ่องเต้อีกองค์หนึ่งเชิญท่านไปเฝ้า ท่านจึงได้แสดงอภินิหารให้ดู |