Dr. Kanchit Malaivongs
Home
Duties
Courses
Lectures
Books
FAQ
Contact
IT Idea for Spiritization

วิธีเขียนรายงานการวิจัย
เพชรา  สังขะวร ผู้แปล
งานแปลของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ อันดับที่173

          คนไทยได้ละเลยงานวิจัยมานานแล้ว แม้รัฐบาลจะตั้งสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว และแม้ว่านายกรัฐมนตรีจะมีตำแหน่งเป็นประธานของคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ แต่กระนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของงานวิจัยแต่อย่างไร ความข้อนี้สังเกตได้จากงบประมาณเพียงเล็กน้อย เปรียบเสมือนเศษเงินที่ได้รับมาจากรัฐบาลจ นไม่สามารถที่จะสร้างผลงานวิจัยที่เป็นองค์ความรู้แก่ประเทศไทยได้

          ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าประหลาดใจที่ในปี ค.ศ. 2001 สถาบัน IMD ได้กำหนดอันดับความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของไทยเอาไว้อันดับสุดท้ายคือ อันดับ 49 ในจำนวนทั้งหมด 49 ประเทศ เพราะหนึ่งในปัจจัยที่นำมาพิจารณาก็คือการลงทุนด้านการวิจัย

          ปัญหาในการทำงานวิจัยของไทยมีมานานแล้ว การไม่ได้รับงบประมาณอย่างพอเพียงสำหรับให้การสนับสนุนนักวิจัยนั้นเป็นปัญหาระดับประเทศ แต่ในระดับย่อยลงมาก็ยังมีปัญหาอีกมาก อย่างเช่น ปัญหาเรื่องข้อเสนองานวิจัยจำนวนมากที่ส่งเข้ามาที่สภาวิจัยนั้นต้องกล่าวว่าไม่ถึงระดับที่ควรให้การสนับสนุน นั่นเป็นเพราะนักวิจัยที่เสนอข้อเสนอเหล่านี้ยังไม่มีความรู้และความสามารถพอเพียงที่จะทำงานวิจัยระดับดีประการหนึ่ง และเป็นเพราะนักวิจัยเองก็ยังไม่มีองค์ความรู้พอเพียงที่จะรู้ว่าขอบเขตของความรู้อยู่ที่ใด และมีเรื่องอะไรบ้างที่น่าจะทำวิจัย

          แต่ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการเขียนรายงานวิจัย

          ในฐานะที่เป็นผู้บริหารคนหนึ่งของ สวทช. ผมได้ว่าจ้างสถาบันบางแห่งทำงานวิจัยให้ แต่รายงานวิจัยที่ได้รับนั้นน่าผิดหวังมาก เรื่องน่าผิดหวังมีอยู่สองด้านด้วยกัน ด้านแรกก็คือเนื้อหาหรือผลงานวิจัยที่ทำมาส่งนั้นไม่ถึงระดับ และอีกด้านก็คือตัวรายงานเองก็ไม่มีคุณภาพ ปัญหาแรกนั้นคงจะแก้ได้ยากเพราะเป็นเรื่องที่นักวิจัยแต่ละสาขาจะต้องหาทางสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานให้ดีขึ้นด้วยตัวเอง แต่ปัญหาที่สองนั้นสามารถแก้ไขได้

          หนังสือเรื่อง วิธีเขียนรายงานการวิจัย นี้เป็นผลงานแปลที่ตีพิมพ์โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เนื้อหาแบ่งออกเป็น 8 บทด้วยกันคือ

  1. การเลือกหัวเรื่อง : การใช้ห้องสมุด
  2. การเตรียมบรรณานุกรม
  3. การจดบันทึก
  4. การเรียบเรียงเนื้อเรื่อง
  5. ต้นฉบับตัวจริง
  6. ตัวอย่างรายงานการวิจัยที่ดี
  7. ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง
  8. การลงพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ

          หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนขึ้นสำหรับนักวิจัยโดยตรง เพราะเป้าหมายหลักอยู่ที่นักศึกษา แต่โดยที่นักวิจัยของไทยจำนวนมาก ก็ยังมีความสามารถระดับนักศึกษา ดังนั้นหากนักวิจัยจะอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ถึงกับเสียหน้าอะไร กลับจะได้รับความรู้มากขึ้นด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในภาคผนวกนั้นมีคำแนะนำสำหรับการใช้ภาษาที่ไม่แบ่งแยกเพศซึ่งกำลังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทางตะวันตกอยู่ในขณะนี้

          หนังสือนี้มีรายละเอียดให้ศึกษาหลายเรื่อง เรื่องที่น่าสนใจก็คือการจดบันทึก การเรียบเรียงเนื้อเรื่อง และการอ้างอิงซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของนักวิจัยไทย โดยเฉพาะในเมื่อคนไทยโดยรวมไม่ได้รับการสั่งสอนในโรงเรียนให้หัดจดบันทึกมานานกว่าสามสิบปี ได้ทำให้คนไทยขาดความสามารถในการสังเกต การจดรายละเอียด และ การเขียนรายงาน

          ข้อที่น่าเสียดายก็คือ หนังสือเล่มนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษ ต้นฉบับเดิมได้ยกตัวอย่างการใช้ภาษาที่ควรแก้ไขเอาไว้มากด้วยกัน แต่เมื่อถ่ายทอดมาเป็นภาษาไทยแล้วก็ไม่ค่อยจะสื่อความมากนัก น่าจะมีอาจารย์นักวิจัยสักท่านหนึ่งที่รวบรวมตัวอย่างการใช้ประโยคภาษาไทยที่ควรแก้ไขมาเผยแพร่ พร้อมกันนั้นก็ควรเสนอแนะว่าจะแก้ไขอย่างไรด้วย

          หนังสือเล่มนี้นำเสนอตัวอย่างบทความวิจัยที่ดีเอาไว้เหมือนกัน แต่บังเอิญเป็นเรื่องที่ผมไม่สนใจก็เลยไม่อยากอ่าน อีกทั้งไม่แน่ใจด้วยว่าผู้แปลจะสามารถถ่ายทอดบทความวิจัยที่ว่าดีมาเป็นภาษาไทยได้ดีพอด้วย

          โดยทั่วไปขอแนะนำให้นักศึกษาทั้งหลายลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แม้จะยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการอ้างอิงเว็บไซต์ เพราะหนังสือเล่มนี้เขียนมาก่อนยุคอินเทอร์เน็ต แต่ก็ควรมีไว้อ้างอิงใกล้มือจะได้เขียนรายงานวิจัยได้ดีขึ้น

Back