สวัสดีครับ
เมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ผมมีโอกาสไปบรรยายและพักผ่อนที่ภูเก็ตเป็นเวลาห้าวัน ผมไม่ได้ผ่านมาทางภูเก็ตสองปีแล้ว เมื่อคราวที่แวะมาภูเก็ตครั้งก่อน ภูเก็ตยังคงมีร่องรอยของความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิอยู่ แต่ขณะนี้ร่องรอยต่าง ๆ ตามทางที่ผมผ่านไปล้วนแต่ได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงใหม่แล้ว ชาวภูเก็ตบางคนบอกว่ายังมีบางแห่งที่ยังไม่ฟื้น แต่ผมไม่ได้แวะไปแถบนั้น ได้เห็นแต่เฉพาะบริเวณที่เคยเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงนั่นก็คือบริเวณหาดป่าตอง
หาดป่าตองช่วงนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงกลางคืนหาดป่าตองเต็มไปด้วยแสงสีเสียงและสาว ๆ เมื่อสามสิบปีก่อน ผมรู้สึกหงุดหงิดกับฝรั่งที่เข้ามาซื้อบริการทางเพศในเมืองไทยจนทำให้เมืองไทยกลายเป็นแหล่งเซ็กส์ขนาดใหญ่ของโลก แต่ปัจจุบันนี้ ผมได้พบว่าสาวไทยจำนวนมาก มีชีวิตที่สบายขึ้นจากการได้แต่งงานกับสามีฝรั่ง และบางคนอาจจะร่ำรวยกว่าผมเสียอีก ถ้าหากฝรั่งเหล่านี้ไม่ได้มาเมืองไทยเพื่อจุดประสงค์ทางเพศ ก็เป็นไปได้ว่าสาวไทยจำนวนมากคงจะอดตาย
แน่นอนว่า ไม่ใช่สาวไทยทุกคนจะไปลงเอยด้วยการมีชีวิตที่ดีเพราะได้สามีฝรั่งที่ร่ำรวย หลายคนอาจจะลงเอยด้วยการเป็นเอดส์ และ หลายคนอาจจะมีปัญหาเมื่ออายุมากขึ้นและไม่สามารถจะนั่งทำงานในบาร์ริมหาดได้อีกแล้ว
ปัญหาสังคมเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก สาเหตุที่ทำให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้มีมากเหลือเกิน และต่างก็เกี่ยวข้องกันมากจนแยกไม่ออกว่าสาเหตุที่แท้จริงคือเรื่องอะไร
แต่เมื่อผมลองคิดดูแล้ว ผมคิดว่าปัญหาสำคัญก็คือกฎของมัวร์ ที่บอกว่า ความสามารถในการประมวลผลของชิปเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวทุก ๆ 18 เดือน
ความจริงแล้วจะว่าเป็นกฎของมัวร์ก็ไม่เชิง ความหมายของผมก็คือในช่วงสามสิบปีมานี้ความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ของโลกได้เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าทวีคูณ
ลองนึกดูก็ได้ครับ เมื่อสามสิบปีมานี้ใครจะคาดคิดว่าจะมีการขายสินค้าไอทีและโทรศัพท์มือถือกันทั่วทุกหัวระแหง
เมื่อสามสิบปีมาแล้ว เพื่อนจากสิงคโปร์ที่มาทำงานที่เอไอทีบ่นกับผมว่า ทำไมร้านรวงต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ปิดเร็วจัง แค่หกโมงเย็นก็ปิดหมดแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ศูนย์การค้าหลายแห่งเปิดถึงเที่ยงคืน และมี Midnight sale
ลำพังความก้าวหน้าที่รวดเร็วไม่ได้เป็นปัญหาหรอกครับถ้าหากเราตามทัน หรือก้าวล้ำหน้าไป ปัญหาก็คือในขณะที่ความก้าวหน้าเกิดขึ้นด้วยความเร็วแสง แต่ประเทศไทยเราขยับตัวตามอย่างเชื่องช้าราวกับทากเดิน
เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศไทยจึงมีปัญหาแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น เรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นเคยเป็นรัฐมนตรีในยุคสามสิบปีมาแล้ว และไม่มีวี่แววว่าจะตามยุคสมัยทัน
การศึกษาของเรายังคงล้าหลังและสอนเหมือนเมื่อสามสิบปีมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่จะต้องกล่าวว่านิสิตนักศึกษาไทยมีความสามารถล้าหลังไปเหมือนเมื่อหกสิบปีมาแล้ว
คนไทยยังคงทำงานเรื่อยเฉื่อยเหมือนเมื่อสามสิบปีมาแล้ว
นักการเมืองไทยยังคงคอร์รัปชันเหมือนเมื่อสามสิบหรือหกสิบปีมาแล้ว เพียงแต่ทำได้แนบเนียนกว่า และโกงกินด้วยอัตราที่เร็วมากขึ้น
หนังสือพิมพ์ไทยทั้งหลายก็ยังคงพยายามขายข่าวอาชญากรรมที่รุนแรงเหมือนเมื่อสามสิบปีมาแล้ว และเพิ่มมากขึ้นด้วยการสนับสนุนให้คนงมงายในไสยศาสตร์, ลุ่มหลงในการพนัน, และ มอมเมาเยาวชนด้วยการลงข่าวคาวโลกีย์ของเหล่าดาราทั้งหลาย เจ้าของหนังสือพิมพ์ที่มีนโยบายให้ลงข่าวทำนองนี้ คงไม่ตระหนักว่า พวกเขาได้สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไปมากเท่าใดแล้ว และไม่มีทางที่การพยายามอุทิศรายได้มาสร้างโรงเรียนจะชดใช้ความผิดที่ได้สร้างความเสียหายได้
น่าเสียดายที่เวลานี้ แร่ธาตุในดินก็หมดไปแล้ว, ป่าไม้ก็ไม่มีเหลือ, ปลาในอ่าวไทยก็หมด, น้ำในแม่น้ำล้วนมีแต่มลพิษ สารเคมีที่เป็นอันตราย และ ยาฆ่าแมลง, อากาศในกทม. นั้นแสนจะสกปรกจนทำให้คนกทม.จำนวนมากเป็นโรคภูมิแพ้ไปทั้งกรุง, การจราจรบนท้องถนนก็ใกล้วิกฤติเพราะมีแต่ผู้คนที่คอยเอาเปรียบผู้อื่น และ ผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎ, การเลือกตั้งก็ได้นักเลงเข้าไปนั่งในสภาและ ไปบริหารบ้านเมือง ในเมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้ เราจะยังมีความหวังอะไรในอนาคตอีกหรือครับ
เมษายน 2551
ผมเขียนเรื่องนี้แล้วแต่ไม่ได้มีโอกาสมาทักทาย เพราะผมต้องเดินทางไปไหนมาไหนอีกหลายแห่ง เช่น ต้องไปบรรยายแนะนำการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้บรรดาผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ที่ขอนแก่นฟัง เรื่องที่พูดก็เป็นเรื่องเดียวกับที่ไปพูดที่ภูเก็ตนั่นแหละครับ ขอนแก่นเวลานี้ก็ปรับเปลี่ยนไปมาก ขณะนี้เซ็นทรัลกำลังจะสร้างศูนย์การค้าใหญ่โตที่หัวมุมสี่แยกจากถนนใหญ่ที่มีซุ้มประตูจังหวัดขนาดใหญ่ผ่านไปทางหน้าศาลหลักเมืองซึ่งก็เพิ่งทำใหม่นั่นแหละครับ เมื่อสร้างเสร็จก็คงจะครึกครื้นอีกมาก แต่อาจจะทำให้ตึกคอมที่เป็นศูนย์การค้าสำคัญหน้าโรงแรมโฆษะเวลานี้อาจจะต้องหงอยเหงาลงไปก็ได้
จากขอนแก่น ผมขับรถไปบรรยายแนะนำเรื่องเกี่ยวกับงานไอซีทีให้ทางข้าราชการระดับสูงของกระทรวงไอซีทีฟังเนื่องในโอกาสที่เขากำลังจะวางแผนยุทธศาสตร์ไอซีทีระดับประเทศซึ่งผลักดันกันมานานแล้ว แต่ยังไม่ถึงไหนสักที
สุดท้าย ผมก็ขับรถไปโรงแรมเฟลิกส์ที่กาญจนบุรี เพื่อร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ หรือ JCSSE 2008 ที่ทางมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นเจ้าภาพ โดยผมรับเชิญเป็นผู้บรรยายนำในวันแรก งานนี้มีผู้มาร่วมกันมากเหมือนกันครับ ส่วนมากเป็นอาจารย์และบัณฑิตไทย ที่มาจากต่างประเทศยังค่อนข้างน้อย เพราะเป็นระยะเพิ่งเริ่มต้นเปิดตัวสู่นานาชาติ ผมหวังว่าปีต่อ ๆ ไปคงจะมีคนมามากขึ้น และ ปีหน้าทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเป็นเจ้าภาพครับ
พฤษภาคม 2551
ครรชิต มาลัยวงศ์