สวัสดีครับ
เดือนมีนาคมนี้ผมไม่สามารถมาทักทายเพื่อน ๆ ได้ตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนเพราะมีงานล้นมือ ทั้งงานตามหน้าที่และงานฝากที่เพิ่มเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงสุดสัปดาห์ของเดือนที่แล้ว ผมเดินทางไปมหาสารคามทุกสัปดาห์เพื่อบรรยายเรื่อง การบริหารโครงการด้วยหลักการ CMMI ให้แก่นักศึกษาปริญญาโทในหลักสูตร MIT ที่นั่น
ช่วงที่ผมมาสอนที่มหาสารคามนั้น อากาศตอนสุดสัปดาห์ดีมากครับ เย็นสบายมาก ช่วงต้นเดือนก็มีงานกาชาดด้วย แต่เป็นงานที่จัดอย่างเรียบ ๆ มีแต่การตั้งร้านขายสินค้า, ร้านอาหาร, และ บูธของสถานศึกษาในจังหวัด ไม่มีการแสดงมหรสพในงานนี้ วันที่ผมแวะไปนั้นเป็นวันรองสุดท้ายของระยะเวลาที่จัดงานแล้ว ชาวเมืองที่มาเดินเที่ยวงานจึงมีพอประมาณครับ อากาศก็เย็นสบายดี ผมมองเห็นร้านขายหนังสือลดราคาอยู่ร้านเดียว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เป็นหนังสือประเภทที่มีลดราคาตามห้าง 7 11 ในกรุงเทพฯ นี่แหละครับ นอกนั้นก็เป็นหนังสือมือสอง หรืออาจจะเป็นหนังสือที่มีคนพลิกดูแล้วจนชอกช้ำไปหมดก็ได้ ผมอยากเห็นมีร้านหนังสือมาออกงานกาชาดมากกว่านี้ แต่นั่นแหละครับ ถ้ามาออกร้านแล้วไม่มีใครอุดหนุน เจ้าของร้านก็อยู่ไม่ได้ จริงไหมครับ
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่ามหาสารคามนี้มีสมญาว่าเป็น ตักสิลา ของไทยครับ โรงแรมที่ผมพักก็ชื่อ ตักสิลา เหมือนกัน ห้องพักที่นี่มีเครื่องใช้ทันสมัยหลายอย่างครับ เช่น เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมแผ่นภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่องด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีนิตยสารท่องเที่ยววางไว้ให้อ่านจนลานตาไปหมด นี่เป็นตัวอย่างที่โรงแรมแห่งอื่นทั่วประเทศน่าจะเลียนแบบนะครับ
ผมเคยมาบรรยายที่สถาบันแห่งนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งเป็นมหาวิทยาลัย ต่อมาพอตั้งเป็นมหาวิทยาลัยและก่อสร้างเสียใหญ่โตที่นอกเมืองนั้นผมก็เคยไปบรรยายสั้น ๆ มาครั้งหนึ่ง มาเที่ยวนี้ได้พบกับความเจริญของหมู่บ้านนอกมหาวิทยาลัยอย่างผิดหูผิดตา มหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ที่ตั้งตามจังหวัดต่าง ๆ นั้น ผมผ่านไปเห็นมาหลายแห่งแล้ว ต้องยกให้ที่มหาสารคามว่าบริเวณรอบนอกมหาวิทยาลัยเจริญก้าวหน้ากว่าที่อื่น เพราะกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่มีอาคารร้านค้ามากมาย และมีผู้คนอาศัยคับคั่งมาก เมื่อครั้งก่อนนี้ผมเห็นด้านนอกมหาวิทยาลัยมีทุ่งนากว้างไกล แต่ขณะนี้ชาวนาขายที่ดินให้นายทุนไปหมดแล้ว อาจารย์ที่นี่บอกผมว่าราคาที่ดินที่มหาสารคามอาจจะแพงกว่าจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยซ้ำไป
ในขณะที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามกำลังเริ่มเจริญรุ่งเรืองนั้น ก็เป็นที่น่าเสียดายว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังมีปัญหาเรื่องการเลือกอธิการบดี ความยุ่งยากขัดแย้งเป็นมาอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่ที่ยิ่งน่าเสียดายมากขึ้นก็เพราะผู้ที่มีปัญหาขัดแย้งกันอยู่นั้นทั้งสองคนล้วนเป็นมิตรสหายของผม ผมได้แต่อธิษฐานภาวนาขอให้ท่านทั้งสองหันหน้ามาคุยกันและยุติปัญหาความขัดแย้งกันก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเสียหายมากกว่านี้
นอกจากจะไปสอนที่มหาสารคามแล้ว ผมยังมีความจำเป็นต้องบรรยายในการฝึกอบรมเรื่อง Introduction to CMMI ให้แก่ผู้สนใจศึกษาอีกสองครั้งด้วยกัน และยังต้องสอนวิชา Knowledge Management ให้นักศึกษาหลักสูตร MIT ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ด้วย งานเหล่านี้ทำให้ภาระของผมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ค่อนข้างหนักหนาสาหัสมากเกินไป
การสอน Knowledge Management นั้นทำให้ผมเริ่มตระหนักว่า การสอนของผมเริ่มจะใช้ไม่ได้เสียแล้ว คงจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการบรรยายตามมหาวิทยาลัยทั้งหลายเสียที ผมชรามากเกินกว่าจะสอนให้นักศึกษามีความสนุกและสนใจในเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง จึงสมควรมอบให้อาจารย์รุ่นหลังสอนแทนได้แล้วครับ
ในช่วงที่ผมสอนวิชา KM (โปรดสังเกตว่านี่ก็เป็นอักษรย่อของชื่อผมนะครับ) นั้น ผมถามนักศึกษาว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อ่านหนังสือที่เป็นความรู้บ้างหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีใครตอบเลยครับ อาจเป็นได้ว่านักศึกษายังหาหนังสือที่เป็นความรู้ไม่พบก็ได้ ดังนั้นผมจึงขอประชาสัมพันธ์ว่า ในช่วงปลายเดือนนี้ไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ก็จะมีงานสัปดาห์หนังสือประจำปีอีกแล้ว ผมขอชวนให้ไปอุดหนุนซื้อหนังสือมาอ่านกันมาก ๆ หน่อยครับ ผมเชื่อว่าการไปงานสัปดาห์หนังสือนี้คงจะได้เห็นหนังสือที่ดีมีสาระมากมายหลายเล่ม
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องหนังสือแล้ว ผมขอประชาสัมพันธ์หนังสือที่ผมอ่านในช่วงเดือนที่แล้วให้เพื่อน ๆ ไปหามาอ่านกันบ้าง
กลุ่มเรื่องแปลของฝรั่งนั้น ผมติดใจหนังสือนิยายสายลับสืบสวน ชุด เกเบรียล อัลลอน ซึ่งเขียนโดย แดเนียล ซิลวา เนื้อหาของเรื่องไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก แต่วิธีเขียนละเมียดละไมมากกว่านิยายสืบสวนเรื่องอื่น ๆ ชุดนี้มีสามเรื่องครับ คือ ภาพเขียนเลือด, บาปนักบุญ และ ปมอดีต
นิยายนักสืบและนิยายลี้ลับที่แปลจากภาษาญี่ปุ่นก็มีมากครับ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไม่สมจริง และถ้าอ่านเอาความสนุกเพลิดเพลินก็พอไหว แต่ไม่ค่อยมีสาระหรือ ชวนติดใจอะไรมากนัก ผมอ่านไปหลายเล่มครับ แต่ไม่บอกชื่อเรื่องดีกว่า
สารคดีที่ออกมาในช่วงนี้ก็มีมากครับ ผมชอบเรื่องที่แปลมาจากผลงานนักเขียนจีนชื่อ หลิว ยง ครับ นักเขียนผู้นี้เป็นทั้งจิตรกร, นักเขียน, เจ้าของสำนักพิมพ์, และ อาจารย์ แถมมีถิ่นพำนักทั้งในอเมริกาและไต้หวันด้วย ผมอ่านเรื่องของคุณหลิว ยงแล้ว คิดอยากจะเลิกเขียนหนังสือเลยครับ เพราะดูแล้วฝีมือของผมห่างคนละชั้นกับนักเขียนผู้นี้หลายระดับชั้นเหลือเกิน หนังสือที่มีผู้แปลแล้วก็คือ หนังสือชุดโคตรโกง ซึ่ง ใบไผ่เขียว หรือ น. นพรัตน์ เป็นผู้แปล และต่อมาก็มีอีกหลายเล่ม เล่มที่ผมอ่านก็คือ กลแก้โกง ที่ออกมาใหม่ และ มังกรสอนลูกสาว ครับ หนังสือของหลิว ยง เป็นหนังสือจิตวิทยาภาคปฏิบัติที่อธิบายเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมข้ามชาติระหว่างจีนกับอเมริกันได้ดีครับ
หนังสือพุทธศาสนาก็มีเรื่องใหม่ ๆ พิมพ์ออกมามากครับ เวลานี้มีผู้เขียนหนังสือให้เราอ่านกันมากเล่มด้วยกัน หลายท่านเป็นพระภิกษุ, บางท่านเป็นฆราวาสทั้งหญิงและชายที่ปฏิบัติธรรมจนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและต้องการเผยแพร่เรื่องที่ท่านรู้เห็นให้พวกเราได้ทราบบ้าง. หนังสือแนะนำการปฏิบัติตามแบบวิธีของหลวงพ่อเทียน ก็มีออกมามากหลายเล่มเหมือนกันครับ ผมได้มาหลายเล่มจากงานวิทยาศาสตร์ทางจิตเมื่อต้นเดือนธันวาคม และช่วงนี้ก็มีผู้เขียนแนวทางการกำหนด สติ แบบที่ท่านสอนออกมาอีกหลายเล่มด้วยกัน เช่น เรื่อง คุณหมอพาเที่ยววัดท่องธรรม ของ รศ. พญ. พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน และ เคลื่อนไหวไปสู่ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ของ พระพุทธยานันทภิกขุ
เพื่อน ๆ ที่สนใจหนังสือพระไม่ควรพลาดหนังสือของท่านทะไลลามะ ซึ่งมีผู้แปลมาหลายเล่มครับ เล่มที่แสดงภูมิปัญญาอันล้ำลึกของท่านก็คือ จักรวาลในหนึ่งอะตอม หรือ The Universe in a Single Atom อ่านแล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดนักวิชาการตะวันตกจำนวนมากจึงมีความเลื่อมใสในตัวท่านมาก
ผู้ที่สนใจในเรื่องลี้ลับ น่าจะลองหาเรื่องของ ริชชี มาอ่านครับ ริชชีเป็นนิสิตหนุ่มของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่มีญาณอันล้ำลึกมาจากอดีตชาติ ญาณนี้มาจากไหน ริชชีเป็นใคร คงจะต้องหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านเองครับ
วันนี้ขอเล่าแค่นี้ก่อนครับ แล้วเอาไว้พบกันใหม่ก่อนสงกรานต์ เพราะปลายเดือนนี้ผมคงจะต้องเดินทางไปประชุมที่อียิปต์สักสี่ห้าวัน กลับมาคงเหนื่อยคิดและเขียนอะไรไม่ทันครับ
สวัสดีครับ
ครรชิต มาลัยวงศ์