Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

 

 

Home
IT Idea for Spiritization

คำทักทาย ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2550

สวัสดีครับ

        ผมหายหน้าหายตาไปสองเดือนเพราะหลังจากกลับมาจากสหรัฐอเมริกาแล้วก็ต้องมาเคลียร์งานที่คั่งค้างมากมายหลายเรื่อง พระพุทธองค์ทรงสอนในมงคลสูตรว่า การงานไม่คั่งค้าง เป็นมงคล ดังนั้น ผมจึงต้องพยายามลดงานค้างตามหน้าที่ความรับผิดชอบลง แล้วเลยทำให้งานเขียนในเว็บค้าง ซึ่งก็ไม่เป็นมงคลเหมือนกัน

        เมืองไทยในรอบสองเดือนที่ผ่านมานั้นมีแต่ความวุ่นวาย นี่ก็เป็นไปตามวิถีของโลกนั่นแหละครับ คือมีคนมากก็ยุ่งมาก มีคนน้อยก็ยุ่งน้อยหน่อย ยิ่งคนที่มีมากนั้นไม่ค่อยคิดถึงประเทศชาติในระยะยาวด้วยแล้ว ก็ยิ่งก่อปัญหาสารพัดให้แก่ประเทศ ความยุ่งยากนี้ก็คงจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ยังมีคนประเภทนี้อยู่ในเมืองไทย ก็ขอให้พวกเราอดทนต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่อไปครับ

        ผมเพิ่งกล่าวถึงการไม่ได้คิดถึงประเทศชาติในระยะยาว ขอขยายความสักนิดครับ

  • คนหลายคนแสวงหาที่ดินมาเป็นสมบัติมากมายหลายพันหลายหมื่นไร่ แล้วก็ทิ้งไว้เฉย ๆ เพราะหวังจะร่ำรวยด้วยการพัฒนาที่ดินในอนาคต แต่ไม่ได้คิดว่าหากตนเองตายไปแล้ว ก็ไม่มีโอกาสจะได้ใช้ประโยชน์ ประเทศไทยมีที่ดินจำกัดครับ และคนก็เพิ่มขึ้นทุกวัน การที่มีคนเป็นเจ้าของที่ดินว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทำให้คนในชนบทต้องบุกรุกถางป่าจนเหี้ยนเตียนไปหมดแล้ว
  • คนหลายคนสร้างความปั่นป่วนให้กับสังคม ด้วยการพูดยุงยง ยุแยง ทำให้เกิดปัญหาการแตกสามัคคีของคนในชาติ และของคนกลุ่มต่าง ๆ เกิดความไม่เข้าใจกัน และทำให้วุ่นวายมากขึ้น ผมคิดว่าเวลานี้อาจจะมีคนทำอาชีพแบบนี้มากมายหลายคน และหลายกลุ่ม โดยเฉพาะคือคนที่พยายามบอกคนอื่นว่าทำหน้าที่สะท้อนสังคม
  • ผู้บริหารประเทศ ไม่ได้วางแผนระยะยาวว่าประเทศไทยจะเป็นอะไรต่อไปในอีกห้าสิบปีข้างหน้า เราจะยังคงเป็นประเทศที่มีทุกอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้ หรือเราจะเป็นประเทศที่มีคนดี คนเก่ง คนทำงานจริงจัง ผมดูแล้วรู้สึกว่าสิ้นหวังสำหรับอนาคต เมื่อสัปดาห์ก่อนผมไปพูดให้นักศึกษาปริญญาเอกที่ ม.บูรพา มีนักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่า ผมเห็นเมืองไทยจะเป็นอย่างไรในอนาคต ผมก็ตอบไปว่า เมืองไทยไม่มีอนาคตหรอก เราคงจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ อย่างนี้ต่อไป และคงจะเหมือนฟุตบอลคือ กระดอนขึ้นลงไปเรื่อย ๆ แต่ช้าลง และ เฉื่อยลง จนกระทั่งหยุด วันนั้นผมไม่ได้พูดต่อถึงเหตุผลที่ผมคิด เพราะถ้าพูดไปคงจะสะเทือน นั่นก็คือเมื่อผู้บริหารประเทศไม่ได้วางแผนระยะยาวให้ประเทศ ก็เลยทำให้ไม่ได้วางแผนการพัฒนาคน และในเมื่อคนของอนาคตไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกวิธี เราจะไปคาดหวังอะไรกับอนาคต
  • นักการเมืองจำนวนมากเห็นแก่ตัวและไม่มีศีลธรรม หลังจากสิ้นพระเดชพระคุณท่านพุทธทาส เสียแล้ว ก็เลยไม่มีใครคอยร้องเตือนว่า "ศีลธรรมจงกลับมา" เรื่องนี้ไม่ต้องอธิบาย เพราะเห็นกันอยู่

        แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?

        คำตอบของผมก็คือ พยายามรักษาตนให้มีศีลธรรม แต่...สมัยผมเป็นเด็ก ครูสอนเรื่องธรรมที่มีเนื้อหาตรงกันข้ามกับศีล คือบอกว่าศีลเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละ และธรรมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติ ถ้าตีความแคบ ๆ เช่นนี้ก็ยังไม่พอครับ ก่อนอื่นเราต้องรักษาศีลห้าเป็นอย่างต่ำ และจะต้องประพฤติตามกุศลกรรม 10 ข้อด้วย คือ

  1. ไม่ฆ่าสัตว์
  2. ไม่ลักทรัพย์
  3. ไม่ประพฤติผิดในกาม
  4. ไม่พูดเท็จ
  5. ไม่พูดคำหยาบ
  6. ไม่พูดวาจาส่อเสียด ทำให้แตกร้าวกัน
  7. ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ ไร้ประโยชน์
  8. ไม่คิดอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น
  9. ไม่คิดประทุษร้ายคนอื่น
  10. พิจารณาทำความเห็นให้ถูกในเรื่องต่าง ๆ

        ขอให้สังเกตนะครับว่า การพูดที่ไม่เป็นกุศลมีถึงสี่เรื่องด้วยกัน และเราไม่ค่อยได้สร้างกุศลทางวาจากันมากนักโลกถึงวุ่นวายอย่างนี้

        ผมเสนอเป็นแนวคิดว่า ทดลองพูดให้น้อยลง และสื่อสารเท่าที่จำเป็น จะทำให้เรามีความสงบสุขขึ้นครับ

 

 

ครรชิต มาลัยวงศ์

 

Back