Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive

คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

       

 

Home
IT Idea for Spiritization

คำทักทาย ณ วันที่ 26 กันยายน 2548

สวัสดีครับ

          ช่วงนี้มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเป็นข่าวใหญ่หลายเรื่องด้วยกัน และเป็นเรื่องที่น่าคิดน่าเรียนรู้ทั้งนั้น. ในที่นี้ผมจะยกมาให้พิจารณาสักสี่เรื่อง, สามเรื่องเป็นข่าว อีกเรื่องหนึ่งเป็นความคิดของผมเอง.

          เรื่องแรก ก็คือเรื่องของอากู๋. หลายคนมองเห็นว่าการที่มีผู้พยายามฮุบสื่อนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร
และต้องต่อต้าน. มีคำถามว่าถ้าหากเป็นคนอื่นซึ่งมีเงินมากพออยากจะซื้อสื่อที่ดัง ๆ ไปเป็นสมบัติอย่างนี้จะเรียกว่าฮุบหรือไม่? และจะมีผู้ต่อต้านหรือไม่? บังเอิญเรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้ไม่ค่อยชอบมาพากล ก็เลยมีการต่อต้านกันขนานใหญ่. ความเป็นจริงของโลกก็คือ ไม่ว่าจะเป็นสื่ออะไร ย่อมต้องมีเจ้าของแน่นอน. การที่จะมีสื่อที่ดีนั้นจริงๆ แล้วอยู่ที่เจ้าของ และ นโยบายของเจ้าของ รวมทั้งความสามารถที่จะดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายนั้น. จุดนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก. ผมเองยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเจ้าของสื่อต่างๆ ที่มีอยู่ในเวลานี้นั้น เป็นผู้ที่คิดถึงอนาคตของประเทศ และอยากให้ประเทศของเราเจริญมั่นคงสืบไปหรือเปล่า? ฝากให้พิจารณาดูครับ. การพิจารณาก็ดูไม่ยาก. ลองอ่านดูข่าว และการนำเสนอว่า สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อเยาวชน หรือ เป็นข่าวประเภทมอมเมา, ต้องการขายความฟุ้งเฟ้อ หรือ เสนอความรุนแรงในสังคมให้เป็นเรื่องปกติของสังคมหรือไม่.

          เรื่องที่สอง ก็คือเรื่องพายุดีเพรสชัน ทำให้น้ำท่วม กทม. หลายจุดด้วยกัน. การป้องกันอุบัติภัยต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญครับ. ชาวบ้านควรได้ทราบวิธีการป้องกัน หรือ เอาตัวรอดจากภาวะคับขัน หรือ ภาวะที่เป็นอันตรายด้วย. การเตือนล่วงหน้าก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง. นี่ขนาดฝนตกเพียง 60 มม. เท่านั้น กทม. ยังมีปัญหามากมาย ถ้าหากต้องประสบกับพายุฝนที่ตกมากขนาด 200 มม. กทม. มิยิ่งจมน้ำไปหมดทั้งเมืองเลยหรือ.

          เรื่องที่สาม ก็คือ การก่อการร้ายที่ระบาดไปทั่วโลก. ผมเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนเราตั้งหน้าตั้งตาฆ่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่. เหตุที่เกิดขึ้นไม่ว่าที่ภาคใต้ของไทย อิรัก ไอร์แลนด์เหนือ หรือที่ต่างๆ นั้น ผู้ถูกฆ่าตายส่วนใหญ่คือคนบริสุทธิ์. ในทางศาสนาพุทธ การตายของพวกเขาเป็นเพราะกรรมมาตัดรอน. แต่การที่ผู้ถูกฆ่าตายคือคนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางอุดมการณ์ หรือ การเมือง หรือ ความโลภโมโทสันเป็นสิ่งที่เลวร้าย. ผมคิดไม่ออกหรอกครับว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร. ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่หยุดการทำลายล้างเสียแล้ว ก็จะเกิดผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่. มีคำถามว่า เราจะใช้ความเมตตาและสันติวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่. เมื่อไม่นานมานี้เอง ผมได้มีโอกาสนั่งเครื่องบินข้างๆ ท่านไพศาล วิสาโล ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่ชัยภูมิ และได้มีโอกาสสนทนากับท่านถึงเรื่องนี้. ท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมานฉันท์ และ ท่านยืนยันว่าวิธีนี้แก้ได้. แต่รัฐบาลต้องทำอย่างจริงจัง.

          เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องที่ผมไปงานครบรอบสองปีของ SIPA หรือ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ. งานออกมาหรูหราเกินกว่าที่ผมคาดคิดตอนที่นำเสนอเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการ. ในทางหนึ่งก็ดี, แต่อีกทางหนึ่งอาจจะดูว่าฟุ่มเฟือยไป. เรื่องนี้คงจะต้องนำมาพิจารณากันต่อครับ. แต่เรื่องที่ต้องการคุยในวันนี้ ก็คือเรื่องของบุคลากรคอมพิวเตอร์. เวลานี้เราขาดแคลนบุคลากรด้านนี้มากครับ. จริงๆ แล้วไม่ได้ขาดแคลนบัณฑิตทางด้านคอมพิวเตอร์มากนัก. แต่ขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็น และ มีทัศนคติที่ดีกับการทำงาน. เวลานี้บัณฑิตที่จบทางด้านคอมพิวเตอร์มาเรียกร้องเงินเดือนแพงๆ. แต่ขออภัยครับ...ลดเงินเดือนไปครึ่งหนึ่งยังทำงานได้ไม่คุ้มเลย. ครูบาอาจารย์ในสถาบันต่างๆ สอนกันอย่างไรไม่ทราบ. บัณฑิตจบทางด้านคอมพิวเตอร์ จำนวนมากเป็นคนที่เขียนโปรแกรมไม่เป็น, ไม่อยากเขียนโปรแกรม, คิด Logic ไม่ได้, เริ่มต้นงานไม่เป็น, ทำงานหยิบโหย่ง, วันๆ ได้แต่เปิดเว็บอ่านเรื่องไร้สาระ. หากเรามีบัณฑิตทำนองนี้อยู่มากๆ อย่าไปหวังสร้างอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เลยครับ.

          วันนี้ยกแต่เรื่องหนักๆ มาให้พิจารณาครับ. เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องมีจุดยืนของตนเองในการอ่านข่าว. เราต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองพร้อมกันไปด้วย. ที่สำคัญคือเราต้องพัฒนาจิตใจของเราให้ดียิ่งขึ้นไปโดยไม่ถูกกระทบจากข่าวต่างๆ ไม่ว่าดีหรือเลว. และ...สุดท้าย เราต้องทำงานหนักครับ ประเทศชาติจึงจะเจริญได้.

 

Back