ระยะนี้รู้สึกว่าลมฟ้าอากาศทั่วโลกจะแปรปรวน พายุทางตอนเหนือของไทย ในจีน ยุโรป และอเมริกา ทำให้มีฝนตกน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันพื้นที่บางแห่งก็ยังแล้งมาก หลายคนมีคำถามว่ามนุษย์เรามีเทคโนโลยีที่จะจัดการกับลมฟ้าอากาศให้เป็นไปตามที่ต้องการได้แล้วหรือยัง ผมคิดว่าคำตอบคือ
ยังจัดการไม่ได้ การทำฝนเทียมก็มีส่วนช่วยได้บ้าง แต่ถ้าหากไม่มีน้ำในบรรยากาศพอเพียงเราก็ทำฝนเทียมไม่ได้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ฝนตกมากในบริเวณหนึ่งแล้วไม่ตกเลยในอีกบริเวณหนึ่งนั้น ผมเชื่อว่าเราน่าจะมีกรรมวิธีจัดการน้ำได้ แต่ต้องลงทุนสูง เช่นเมื่อฝนตกมากเกินไปที่เชียงใหม่ เราก็จะต้องผันน้ำไปยังบริเวณที่ขาดน้ำโดยเร็วก่อนที่ปริมาณน้ำอันมหาศาลจะทำให้เกิดปัญหา
และทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามเราต้องคิดให้ครบวงจร นั่นก็คือถ้าหากภาคกลางมีน้ำมาก แต่ภาคเหนือขาดน้ำ เราก็ต้องหาทางนำน้ำขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่าได้เช่นกัน ระบบจัดการน้ำแบบนี้จะเป็นงานวิศวกรรมอันเยี่ยมยอด
และผมเชื่อว่าจะเป็นที่จำเป็นต่อไปในอนาคตอันใกล้
ในช่วงปลายสิงหาคมและต้นกันยายนนี้ ความจำเป็นที่ผมกล่าวถึงข้างต้นน่าจะยิ่งเห็นชัด ฝนตกหนักในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ทำให้น้ำท่วมขังและรถติดอย่างมโหฬาร น้ำท่วมขังที่โคราช และบางส่วนของขอนแก่น
สร้างความยุ่งยากให้ไม่แพ้กัน น้ำที่ท่วมขังเหล่านี้แม้จะสร้างความลำบากให้แก่ผู้ขับขี่ยวดยาน แต่น่าจะมีประโยชน์ต่อเกษตรกรที่กำลังขาดน้ำ ดังนั้นเราน่าจะต้องรีบดำเนินการจัดการน้ำอย่างจริงจังโดยเร็ว
หมู่นี่ผมเดินทางบ่อย และได้พบปะพูดคุยกับผู้คนที่น่าสนใจหลายคน ผู้ที่ผมพบเหล่านี้มีความเห็นว่าจุดอ่อนของคนไทยทั้งประเทศอยู่ที่การขาดความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์นี้อันที่จริงเกี่ยวข้องโดยตรงกับศีลข้อที่ 2, 3 และ 4 การลักขโมยเอาทรัพย์สินของคนอื่นทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมก็เป็นความไม่ซื่อสัตย์อย่างหนึ่ง ทรัพย์สินเดี๋ยวนี้ไม่ใช่มีแต่ของที่จับได้แล้วนะครับ อย่างเช่นสิทธิ์ในการใช้ซอฟต์แวร์ก็เป็นทรัพย์สินที่เป็นนามธรรม หรือความคิดของคนอื่นก็เป็นทรัพย์สินทีเป็นนามธรรมเหมือนกัน ในสถาบันการศึกษาต่างประเทศนั้น หากนักศึกษาคนใดไปคัดลอกข้อความในบทความของผู้อื่นมาลงโดยไม่อ้างถึงที่มาแล้ว ถือว่าเป็นความไม่ซื่อสัตย์ทางวิชาการอย่างรุนแรงและมีโทษถึงให้ออกได้ แต่สถาบันการศึกษาของไทยนั้นยังไม่ค่อยจะจริงจังกับเรื่องนี้ อย่าว่าแต่การไปคัดลอกข้อความของผู้อื่นมาแอบอ้างเลยครับ แม้การจ้างผู้อื่นทำวิทยานิพนธ์ให้ก็เป็นการไม่ซื่อสัตย์ที่ควรให้ออกเช่นกัน
ศีลข้อ 3 นั้น หลายคนคงจะเห็นแล้วว่าเกี่ยวกับความซื่อสัตย์โดยตรง ไม่ว่าคนที่ผิดศีลข้อนี้จะมีภริยาหรือสามีอยู่แล้วหรือไม่
ส่วนเรื่องการพูดเท็จนั้นยิ่งเป็นความไม่ซื่อสัตย์ที่เห็นชัด
ในสังคมไทยเวลานี้เต็มไปด้วยคนที่ไม่ซื่อสัตย์ นักการเมืองจำนวนมากถนัดแต่พูดคำเท็จ นักธุรกิจและนักฉวยโอกาสทางธุรกิจก็พูดเท็จ การไปกวาดซื้อที่ดินที่รู้ว่าจะถูกเวนคืนในราคาต่ำ ๆ
แล้วทำทีว่าปลูกต้นไม้ลงไปเพื่อให้ราคาประเมินสูงขึ้นก็เป็นการกระทำที่ผิดศีลโดยตรง แต่ก่อนเราหวังว่าสื่อต่าง ๆ
จะช่วยสะท้อนให้ชาวบ้านเห็นความจริงได้ แต่เวลานี้สื่อเหล่านี้ก็เชื่อถือไม่ได้เสียแล้ว หนังสือพิมพ์บางฉบับเป็นประเภทนกสองหัว บทความหน้าหนึ่งชี้นำไปทางหนึ่ง แต่ในอีกหน้านั้นกลับชี้นำไปทางตรงกันข้าม และทั้งสองบทความก็อ้างว่าเป็นข้อมูลจริง สื่อโทรทัศน์ก็ล้วนแต่มีคนที่ออกมาพูดจ้อ ไร้สาระ และพิธีกรก็มักจะคิดว่าตนเองเป็นสัพพัญญู รู้ไปหมดทุกอย่าง เปิดไปกี่ช่อง ๆ
ก็เป็นข่าวเพ้อเจ้อทำนองนี้หมด
ในเมื่อคนไทยพูดเท็จกันทั้งเมืองเช่นนี้เราจะเชื่อใครได้ ช่วยคิดสักหน่อยเถอะครับ