สวัสดีครับ
พบกันอีกครั้งสำหรับเรื่องราวที่น่าสนใจทางด้านไอที
คราวนี้ผมไม่ค่อยมีข่าวสารมาวิพากษ์วิจารณ์มากเท่าใดนัก
เพราะช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ผมไปอยู่ที่ฮานอยเสียสิบวัน
ถ้าอย่างนั้นขอเล่าเรื่องฮานอยก็แล้วกันครับ
ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียดนามนั้น
เป็นเมืองที่เก่าแก่และมีวัฒนธรรมมานานไม่แพ้ประเทศไทยเลยครับ
ในขณะที่เราภูมิใจว่าเรามีตัวอักษรไทยใช้มากว่า
700 ปี
และประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของเราตั้งต้นที่นั่น
แต่เขามีประวัติศาสตร์ยืนยาวมานับพัน ๆ ปีแล้ว
อีกทั้งยังมีประวัติการรบพุ่งกับจีนมาโดยตลอด
เวียดนามอาจจะโชคร้ายที่ตกไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเป็นเวลานาน
จนต้องมีขบวนการกู้ชาติ
ต่อจากนั้นก็ยังต้องทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาที่พยายามจะยันไม่ให้เวียดกงเข้าครอบครองเวียดนามใต้
กว่าจะรบชนะ เวียดนามทั้งประเทศก็สะบักสะบอมไปมาก
ผมเคยมาฮานอยหลายครั้ง
และครั้งแรกที่มานั้นก็เมื่อสิบกว่าปีแล้ว
ยุคนั้นฮานอยยังเงียบเหงา
ยามค่ำไม่มีผู้เดินถนน
ไฟฟ้ายังไม่มีให้ใช้อย่างพอเพียง
รถยนต์ก็มีน้อยคัน
แต่มาปัจจุบันนี้ฮานอยคึกคักมากขึ้น
คนเดินถนนกันขวักไขว่
รถยนต์รุ่นใหม่ก็มีเหมือนกันแม้ว่าจะน้อยกว่าในกรุงเทพฯ
แต่รถจักรยานยนต์นั้นเขามีมากกว่าเราครับ
แต่ละแยกที่ติดไฟสัญญาณจราจรนั้นจะมีรถจักรยานยนต์มาจอดรอนับเป็นสิบ
ๆ หรืออาจจะร้อยคันทีเดียว
ผมชอบฮานอยตรงที่มีแม่น้ำแดงซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่มาก
ใหญ่กว่าเจ้าพระยาของเราหลายเท่า
และในตัวเมืองก็มีทะเลสาบใหญ่ ๆ หลายแห่ง รอบ
ๆ
ทะเลสาบนั้นทำเป็นทางเดินให้คนมาออกกำลังกายและพักผ่อน
ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีมิจฉาชีพด้วย
เมื่อผมมาสี่ปีก่อนนี้
เพื่อนฟิลิปปินส์ของผมก็ถูกล้วนกระเป๋าเอาเงินและหนังสือเดินทางไป
ต้องเสียเวลาไปนาน
ร้านหนังสือของเขามีมากครับ
หนังสือแปลก็มีมาก
มีทั้งนิยายและประวัติบุคคลสำคัญ
แม้แต่หนังสือระดับคลาสสิกก็มี
และรู้สึกจะมีมากกว่าหนังสือแปลในไทยอีก
แน่นอนครับแฮรรี พอตเตอร์นั้นก็มีแปลเหมือนกัน
ที่น่าเสียดายก็คือไม่มีหนังสือเกี่ยวกับเวียดนามที่เป็นภาษาอังกฤษมากนัก
แต่ของไทยก็ไม่มีเหมือนกัน
ผมไปเที่ยวชมวัดมาแห่งหนึ่ง
แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปในวิหาร
เพราะขณะนั้นมีสุภาพสตรีเวียดนามมาสวดมนต์พร้อม ๆ
กันร่วมร้อยคน
ที่ประทับใจก็คือหน้าวัดมีหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นภาษาเวียดนามขายหลายเล่ม
ในขณะที่วัดไทยทั้งหลายไม่ค่อยมีสิ่งประเทืองปัญญาแบบนี้เลย
ถ้าจะมีขายก็มีแต่วัตถุมงคล
หากเรายังไม่ส่งเสริมความรู้กันจริงจัง
ไม่ช้าคนไทยก็จะไม่เข้าวัด
และคนไทยก็คงจะเป็นพวกวัตถุนิยมมากขึ้น
แบบนี้เราคงจะทำนายอนาคตของประเทศของเราได้ไม่ยาก
จริงไหมครับ
พบกันในเมษานะครับ
สวัสดีครับ
ครรชิต มาลัยวงศ์
12 มีนาคม 2004 |