สวัสดีครับ
เดือนนี้ผมมาพบกับมิตรสหายทางเว็บนี้ล่าช้ากว่าปกติ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายนนี้มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ผมก็เลยไปใช้เวลาเดินดูหนังสือในงานเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีเวลานั่งเขียนหรือรวบรวมเนื้อหามาลงในเว็บให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน งานสัปดาห์หนังสือแต่ละครั้งเป็นงานใหญ่และนานร่วมสิบวัน มากกว่างานแสดงสินค้าอื่น ๆ สองสามเท่า แต่กระนั้นก็ไม่มีเวลาจะเดินดูได้หมด เป็นเรื่องน่ายินดีครับที่มีผู้เขียนหนังสือมากขึ้น การเขียนก็มีคุณภาพและน่าอ่านมากขึ้น สำนักพิมพ์ก็พิมพ์หนังสือกันมากขึ้น ดีไปหมดแหละครับ ยกเว้นแต่เพียงว่าราคาหนังสือนั้นโหดไปหน่อย หนังสือเล่มปกอ่อนเล่มเล็ก ๆ ราคาเกินร้อยบาท นอกจากนั้นการลดราคาก็ยังไม่มากเหมือนเมื่อก่อน สมัยแรก ๆ ที่จัดงานหนังสือนั้นเขาจัดกันที่ลานบริเวณโรงละครแห่งชาติครับ เอาโต๊ะวางแล้วก็เอาหนังสือมาตั้ง ๆ บนโต๊ะนั้นแหละ ราคาก็ลดกันสุด ๆ ถึง 50% แต่พอมาจัดในพื้นที่ซึ่งต้องเสียเงินค่าเช่าแพง การลดราคาก็เลยลดไม่ได้มากนัก มางานหนังสืออย่างนี้ผมรีบมาก่อนที่เขาจะเปิดให้เข้าไปซื้อหนังสือครับ ความจริงช่วงเช้าเขาก็มีการอภิปรายหรือพูดคุยกันแล้ว มีคนมานั่งฟังเต็มทุกแถว แต่พอได้เวลาเปิดให้เข้าไปซื้อหนังสือ คนที่นั่งฟังอยู่ก็ลุกไปเสียตั้งกว่าครึ่ง เรียกว่ามานั่งฟังรอเวลามากกว่าจะสนใจฟังจริง ๆ หลังจากนั้นพอเลยเที่ยงคนเข้ามากันมากขึ้นผมก็ล่าถอยกลับบ้านพร้อมกับหนังสือหอบใหญ่ คนแน่น ๆ อย่างนี้เลือกซื้อหนังสือไม่สนุกเสียแล้วครับ เพราะยืนเกะกะกันไปหมด คนนั้นบังทางนี้ คนนี้บังทางนั้น หรือคนนั้นจะแทรกเข้ามาทางนี้ ผมไม่ค่อยชอบเดินหรืออยู่ในที่ที่มีคนมาก ๆ ดังนั้นพอเห็นคนมามากแล้วผมก็กลับทั้ง ๆ ที่ยังดูหนังสือไม่ครบทุกร้าน
แม้ว่าอากาศเดือนเมษายนจะร้อน แต่ก็เป็นช่วงที่ต้นไม้ใหญ่ริมถนนหลายสายกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ต้นคูนในบ้านของผมกำลังมีดอกสีเหลืองสดห้อยระย้า เลยออกไปริมถนนนครไชยศรี ต้นตะแบกกำลังออกดอกสีม่วง และต้นทาบูเบยากำลังมีดอกสีชมพูซีดบานเต็มต้น เสียอย่างเดียวว่าดอกของมันไม่อยู่ทน พากันร่วงหล่นลงมากลาดเกลื่อนถนนไปหมด พนักงานดูแลรักษาความสะอาดได้แต่แหงนมองดอกที่กำลังหล่นลงมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากวาดดอกใส่ถังเขียวที่ลากมาด้วย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ เรื่องที่น่าวิตกมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์ทางภาคใต้ที่ยังมองไม่เห็นทางแก้ไข ผู้ก่อการร้ายเองก็ไม่มีใครประกาศว่าใครเป็นคนทำ ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงมืดมน ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของการก่อร้าย ไม่รู้ว่าผู้ก่อการร้ายต้องการอะไร หรือเรียกร้องอะไร และมองไม่ออกว่าเรื่องจะไปจบลงที่ไหน ที่กล่าวว่าคนไทยส่วนใหญ่ ก็เพราะผมคิดเอาง่าย ๆ ว่า รัฐบาลเองก็อาจจะทราบว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง แต่อาจจะพูดไม่ออก เพราะยังจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย อย่างไรก็ตามผมรู้อยู่อย่างหนึ่งว่า ถึงจะมีไอซีทีที่ล้ำเลิศแค่ไหนก็คงไม่สามารถนำมาช่วยแก้ปัญหานี้ได้
เมื่อกลางเดือนมีนาคม ผมไปช่วยงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการหลักสูตร Mini Master of Software Engineering ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลักสูตรนี้พยายามสร้างบุคลากรที่มีความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างเป็นระบบโดยใช้หลักการ CMM หลังจากนั้นได้สองวันผมก็ไปบรรยายเรื่อง Transition to CMMI ที่ ซอฟต์แวร์พาร์ก โดยเล่าว่าผู้ที่ได้รับการรับรอง CMM แล้วจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้มาตรฐาน CMMI ได้อย่างไร ผมได้นำเอาแฟ้มนำเสนอเรื่องนี้มาให้ท่านศึกษาในที่นี้ด้วยแล้ว
อีกแห่งหนึ่งที่ผมไปบรรยายก็คืองานไอทีของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่วิทยาเขตชลบุรี ผมไปพูดเรื่องเกี่ยวกับ บทบาทของ CIO เนื้อหาเป็นอย่างไรได้นำแฟ้มนำเสนอมาให้อ่านด้วยแล้วเช่นกัน
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผมไปงานวันครบรอบ 70 ปี ของ ราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งตอนเช้ามีงานทำบุญเลี้ยงพระ ตอนบ่ายได้ย้ายไปจัดปาฐกถาและการอภิปรายที่ห้องประชุมของกระทรวงต่างประเทศถนนศรีอยุธยา องค์ปาฐกก็คือ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ ท่านมาแสดงปาฐกถาเรื่องการเป็นไทยด้วยจิตวิญญาณ ส่วนตอนบ่ายเป็นการอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับพจนานุกรมไทย ราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ. 2542 ซึ่งเพิ่งออกจำหน่ายเมื่อปี 2546 การที่ไม่ได้ใช้ชื่อปีให้ตรงกับปีที่พิมพ์เสร็จก็เพราะเป็นฉบับที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบนั่นเอง เรื่องเกี่ยวกับราชบัณฑิตยสถานนั้นยังมีผู้เข้าใจผิดกันอยู่อีกมาก ดังนั้น ในโอกาสนี้ผมจึงขอเสนอบทความเรื่อง ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับราชบัณฑิตยสถานให้อ่านกัน แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่านี่เป็นเรื่องที่มาจากความเห็นของผมเอง ไม่ใช่เป็นความเห็นของราชบัณฑิตยสถานแต่อย่างใด
ในตอนนี้ผมได้นำแฟ้มนำเสนอที่ผมทำขึ้นเป็นบทเรียนวิชา การจัดการศูนย์คอมพิวเตอร์มาเพิ่มเติมให้อีกหลายบท ใครสนใจก็พลิกไปอ่านได้ พูดถึงวิชานี้ขออธิบายสักนิดหน่อยว่า นักศึกษาที่มาเรียนนั้นส่วนมากไม่ใช่ผู้ที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ และเขียนโปรแกรมไม่เป็น บางคนไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำไป ดังนั้นเนื้อหาจึงไม่ได้ลงรายเอียดในด้านเทคนิคเลย แต่หนักไปทางด้านการจัดการเสียมากกว่า
แม้ว่าผมจะไปกวาดหนังสือมาจากงานหนังสือหลายสิบเล่ม และอ่านไปแล้วหลายเล่ม แต่ก็ยังไม่มีเวลาที่จะเขียนแนะนำในคราวนี้ แต่ได้นำเอาแฟ้มนำเสนอ และเรื่องที่เคยเขียนไว้มาปรับปรุงลงไว้ให้ท่านอ่านเล่นก่อน รวมทั้งได้เขียนเรื่องหลักการเรียนเพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับนักเรียนนักศึกษาใช้ก่อนที่จะเปิดภาคเรียนของปีการศึกษาหน้า สำหรับวันนี้ขอแค่นี้ก่อนครับ
พบกันในนะครับ
สวัสดีครับ
ครรชิต มาลัยวงศ์
10 เมษายน 2004
|