สวัสดีครับ
เวลาดูเหมือนจะผันผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับพวกเราทุกคน. แล้วนี่ก็เข้ามาต้นเดือนที่หกของปี ทั้งๆที่เราเพิ่งจะฉลองปีใหม่อย่างเงียบๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง.
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบกับศิษย์ของผมหลายคนที่ไม่ได้พบกันมานานแล้ว. คำถามที่ได้รับก็คือ ผมทำงานอะไรอยู่. คำตอบของผมก็เป็นแบบเดียวกันคือ ผมไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และ ไม่ได้เป็นเจ้านายหรือลูกน้องของหน่วยงานไหน. ผมเพียงแต่เป็นกรรมการในคณะกรรมการที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง เหมือนกับอดีตผู้บริหารหลายหน่วยงานที่เกษียณอายุแล้ว. การเป็นกรรมการทำให้พวกเราได้มีโอกาสแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้แก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานรุ่นน้อง. และนั่นก็คือความสุขและความพอใจของผู้สูงอายุที่เป็นแบบผม.
ฟังดูจากที่ผมเล่าแล้ว หลายคนคงนึกว่าผมมีเวลาว่างมาก. ความจริงก็คือผมไม่มีเวลาเหลือให้ตนเองมากนัก. ผมยังต้องอ่านเอกสารอีกมากมาย. ผมยังต้องศึกษาเรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะโลกของไอทีและดิจิทัลนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก. แต่ที่สำคัญก็คือ ผมยังไม่มีเวลาทำเรื่องที่ผมอยากจะทำมากนัก.
เมื่อผมยังหนุ่มอยู่นั้น ผมได้ซื้อหนังสือวรรณกรรมตะวันตกเอาไว้มากมาย แต่ผมยังไม่ได้อ่าน. ผมซื้อหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เอาไว้มากมายเพราะคิดว่าวันหนึ่งอยากจะเขียนประวัติคณิตศาสตร์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มโครงการ. เมื่อผมไปประชุมที่ต่างประเทศ ผมได้ถ่ายรูปเอาไว้มากมายและคิดว่าจะนำภาพถ่ายมาสแกนและตกแต่งเพื่อเขียนรายละเอียดของสิ่งที่ได้เห็น แต่ก็ยังไม่ได้ทำ. ผมอ่านข้อเสนองานวิจัยของนักวิจัยจำนวนมากมายหลายพันคน และคิดว่าจะต้องนำข้อดีและข้อเสียมาวิเคราะห์เพื่อเขียนเป็นคำแนะนำ แต่กํยังไม่ได้ทำ. สรุปก็คือ มีเรื่องมากมาย ที่ผมอยากจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ. นี่ยังไม่รวมเรื่องที่จะต้องศึกษา พุทธธรรม ของท่านประยุทธ์ซึ่งท่านได้ขยายความปรับปรุงไปอีกมากแล้ว.
เวลาที่หมุนเวียนรวดเร็วขนาดนี้ ทำให้ผมไม่มีเวลาจะทำอะไรได้มากนัก และ อาจจะไม่ได้ทำสิ่งที่อยากจะทำได้เลย ถ้าหากถูกโรคภัยเบียดเบียน. และ, นั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะทุกอย่างเป็นอนิจจังและอนัตตา.
คำแนะนำของผมก็คือ ถ้าหากคุณคิดจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในทางเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตัวเองและแก่โลก ก็รีบทำเสียเถอะครับ. อย่ามัวรีรอเหมือนผมเลย.
สวัสดี
ครรชิต มาลัยวงศ์
๐๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐