Current Duties
Courses
ICT Ideas
ICT Education
ICT Management
ICT Principles
ICT Standards
ICT Vocabulary
CMM / CMMI
Case Studies
General Articles
Presentations
Book Reviews
Buddhism
Personal Efficiency
Writing Guides
Research Guides
VIP
Q & A
Contacts
Archive
Seminars
คำแนะนำด้านการเรียน
ข้อสอบสนุก

Home
IT Idea for Spiritization

สำคัญที่คน

ดร. ครรชิต มาลัยวงศ์, ราชบัณฑิต

27 สิงหาคม 2546 (ปรับปรุง 11 ตุลาคม 2548)

        โลกยุคปัจจุบันก้าวหน้ารวดเร็วมากและบีบบังคับให้เราต้องรีบทำอะไรๆ หลายๆ อย่างที่เราไม่เคยนึกฝันว่าจะต้องทำมาก่อน ยกตัวอย่างของงานทางด้านไอซีทีก็ เช่น การตั้งกระทรวงไอซีที การตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ ( SIPA ) การตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับต่างๆ (DOC, POC และ MOC) เพื่อนำเสนอข้อมูลจากระดับกรมไปยังศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC)

        เมื่อกลางปี 2546 ท่านนายกรัฐมนตรีได้ไปบรรยายเปิดวิสัยทัศน์ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็น CEO ของจังหวัด หรือที่เรียกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ และต่อมาได้มีการนำเอาวีดิทัศน์คำบรรยายของท่านนายกฯ มาเผยแพร่ทางโทรทัศน์แล้ว ท่านที่มีโอกาสฟังคำบรรยายคงจะเห็นด้วยว่า แนวคิดของท่านนายกฯ นั้นก้าวไปไกลมากทีเดียว นอกจากนั้นท่านยังได้กล่าวถึงระยะเวลาสำคัญที่จะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงบประมาณและการสื่อสารเอกสารและรายงานการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตอีกหลายเรื่องด้วย

        ปัญหาที่พบมากจนถึงขณะนี้ก็คือ เรื่องต่างๆ ที่ท่านนายกฯ ได้คิดและผลักดันนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หน่วยงานไม่สามารถนำมาทำให้สำเร็จได้รวดเร็วตรงตามที่ท่านต้องการ สาเหตุที่ทำให้ล่าช้านั้นมีอยู่หลายประการด้วยกัน นับตั้งแต่ระบบราชการที่ยังเชื่องช้าและมีพิธีการขั้นตอนมากจนกระทั่งไม่สามารถที่จะขยับตัวเดินหน้าให้เร็วเหมือนที่ท่านนายกฯต้องการ ไปจนถึงการขาดวิสัยทัศน์และความรู้ในการปฏิบัติงานในรูปแบบใหม่

        อาจารย์ทางด้านระบบสารสนเทศสอนกันว่า ระบบ MIS และ EIS มีประโยชน์ตรงสามารถนำเสนอสารสนเทศที่จะช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะสามารถนำเสนอสารสนเทศแก่ผู้บริหารได้ ผู้บริหารก็ยังคงไม่สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล นั่นเป็นเพราะผู้บริหารยุคนี้ไม่ได้รับการพัฒนาให้ปรับตัวตามโลกหรือมีความคิดวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าพอเพียงแต่อย่างใด

        การนำท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมาเข้าฟังสัมมนาเมื่อปี 2546 นั้นเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่ดียิ่งขึ้นไปอีกที่ท่านนายกรัฐมนตรีมาเป็นผู้บรรยายเอง เพราะถ้าหากท่านนายกฯ ไม่มาก็ไม่แน่ว่าจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาร่วมสัมมนาครั้งนี้สักกี่คน ท่านผู้ใหญ่เหล่านี้ส่วนมากมักจะคิดว่าตนเองรู้เรื่องต่างๆ หมดแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องเรียนรู้อีก และเชื่อหรือไม่ว่าบางท่านกลับคิดว่าสมองของตนนั้นล้าเสียแล้ว ไม่สามารถรับอะไรได้อีก นอกจากนั้นบางคนยังคิดว่าการไปเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าในจังหวัดสำคัญมากกว่าการที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ

        เมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ทางสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ร่วมกับ บริษัท ไอบีเอ็มได้จัดสัมมนาเปิดวิสัยทัศน์ให้แก่บรรดาอธิบดีกรมสำคัญๆ ของไทย ผู้จัดได้พยายามอธิบายว่าการสัมมนาครั้งนี้ต้องการให้ท่านอธิบดีมาฟัง ห้ามส่งตัวแทน แต่พอถึงเวลาก็ปรากฏว่าส่วนใหญ่ส่งคนอื่นมาแทนทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เองแนวคิดในเรื่องไอซีทีที่พวกเราพยายามนำเสนอให้ถึงท่านผู้บริหารระดับสูงจึงไปไม่ถึงท่าน เพราะคนที่มาฟังแทนนั้นเมื่อกลับไปแล้วก็เพียงแต่ไปเล่าสั้นๆ ว่าไปฟังเรื่องไอซีที แล้วก็นำเอกสารและความรู้ที่ได้ไปใส่ลิ้นชักลั่นกุญแจปิด ไม่สามารถนำไปผลักดันให้หน่วยงานประสบความสำเร็จในการใช้ไอซีที

        หากเรามองดูความเป็นไปของบ้านเมือง พิจารณาการปฏิบัติงานและการเลื่อนตำแหน่งของบุคคลต่าง ๆ ในภาครัฐทั้งที่เป็นอาจารย์ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงาน และนักบริหาร จะพบว่ายังคงอยู่ในวังวนของเส้นสาย คนที่ก้าวหน้าในทางราชการบางคนนั้นมีที่พุ่งขึ้นเหนือคนอื่นด้วยเส้นสายและบารมีที่บิดาของตนทำไว้บ้าง การรู้จักญาติมิตรของผู้มีอำนาจบ้าง หรือการเคยช่วยเหลือระหว่างการทำธุรกิจร่วมกันบ้าง เมื่อได้รับตำแหน่งใหญ่โตแล้วต่อมาก็ช่วยหอบหิ้วเพื่อนฝูงขึ้นไปวางไว้ในตำแหน่งสูงๆ เพื่อให้สามารถครองตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ได้ คนเหล่านี้มีบ้างที่มีความสามารถจริง แต่จำนวนมากมีแต่ความฉาบฉวย ไม่มีความรู้หรือความสามารถที่เป็นแก่นสาร

        คนเหล่านี้มักจะคิดว่าตนเองเก่งกล้าสามารถ รู้ไปหมดทุกอย่าง และไม่ยอมพัฒนาตัวเองอีก การพัฒนาตัวเองนั้นก็เหมือนกับการที่เราหมั่นรดน้ำให้ปุ๋ยแก่ต้นไม้เพื่อให้มีดอกผล และเจริญเติบโต แต่เมื่อหยุดเสียแล้วก็มีแต่เหี่ยวแห้ง ยิ่งนานไปก็จะกลายเป็นไม้ผุที่ไม่สามารถค้ำจุนหน่วยงานและประเทศชาติ

        ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้บริหารระดับสูงมีความรู้ความคิดและความสามารถมากขึ้น จึงเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข เราคงไม่อยากเห็นท่านนายกฯต้องมาพูดเรื่องทำนองเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก และไม่อยากเห็นวิทยากรต่างชาติที่รับเชิญจากรัฐบาลมาบรรยายให้ผู้บริหารไทยฟังนั้นกล่าวตำหนิว่าผู้บริหารเราสนใจกาแฟยิ่งกว่าความรู้ที่จะได้รับจากวิทยากร

        ในเรื่องนี้ไอซีทีน่าจะช่วยได้ ท่านนายกฯ กล่าวถึงการใช้อินเทอร์เน็ตในการส่งข้อมูลการเงินและสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ แต่เรื่องเร่งด่วนก็คือเราจะใช้ไอซีทีในการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้บริหารระดับสูงได้อย่างไร

        e-Government ที่หลายหน่วยงานพัฒนาขึ้นคงจะช่วยไม่ได้ เพราะเป็นระบบสำหรับให้บริการประชาชน เราอาจจะต้องจัดทำระบบพิเศษ ที่มีหลักสูตรแบบ e-learning ทางด้านการบริหาร การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การสร้างวิสัยทัศน์ การพัฒนาความสามารถด้านภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และข้าราชการระดับสูงอื่นๆ เราอาจจะยอมให้รัฐมนตรีของเราใช้ล่ามเวลารับแขกต่างประเทศ เพราะรัฐมนตรีที่มาจากด้านการเมืองนั้นบางคนไม่ค่อยมีความรู้ และความสามารถมากเท่าใดนัก จึงจำเป็นต้องมีล่ามช่วยแปลหรือช่วยประวิงเวลาคิดก่อนตอบ แต่สำหรับข้าราชการระดับสูงนั้นเราคงจะยอมกันไม่ได้อีกแล้ว เราต้องการผู้บริหารระดับสูงที่สามารถเจรจากับแขกเมืองได้อย่างแคล่วคล่อง อ่านเอกสารสัญญา รวมทั้งรายงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่เคอะเขินที่จะลุกขึ้นยืนโต้กับชาติอื่นๆ ในที่ประชุมนานาชาติ

        นี่อีกไม่ช้าก็จะมีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกกันอีกแล้ว ผมมองเห็นตัวคนที่ประกาศตัวกลายๆ ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วรู้สึกหนักใจแทนประเทศชาติจริงๆ ครับ เพราะดูแล้วไม่เห็นมีความรู้ที่จะบริหารประเทศได้เลย หากเราลองพิจารณาหลักการจัดการคนที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปก็คือ มอบหมายงานและตำแหน่งที่ตรงกับความรู้ความสามารถ ปัญหาคือคนที่สมัครเป็นวุฒิสมาชิก (หรือแม้แต่ ส.ส.) นั้น บางคนยังละอ่อน และยังไม่มีประสบการณ์หรือความรู้อะไรเลย ที่ได้รับเลือก ได้ดิบได้ดีไป ก็เพราะเป็นตระกูลนักการเมืองนั่นแหละ ด้วยเหตุนี้เอง การเลือกตั้งจึงเป็นการทำผิดหลักการบริหารคนอย่างจัง เมื่อใช้คนทำงานผิด เราก็ปวดหัวฉันใด เวลาเราเลือกผู้แทนผิดก็ปวดหัวฉันนั้น

        จะทำอะไรก็คงต้องรีบทำแล้วละครับ ความสามารถของผู้บริหารไทยในหลายๆ วงการเวลานี้ตกต่ำเต็มทีแล้ว หากไม่รีบเร่งพัฒนากันทั้งประเทศก็จะขายหน้าประเทศอื่นๆ นะครับ


Home | Back