สรุปการให้สัมภาษณ์เรื่อง
WBT
ดร. ครรชิต มาลัยวงศ์
28
กุมภาพันธ์ 2547
ผมเป็นผู้ที่ทำงานด้านไอทีต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
ดังนั้นจึงมีผู้ที่สนใจแวะมาสนทนาและสัมภาษณ์เรื่องต่าง
ๆ กับผมอยู่เสมอ นักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ
หลายแห่งก็แวะเวียนมาพูดคุยและถามความคิดเห็นเป็นประจำ
บ้างก็นำความเห็นของผมไปประกอบในการทำวิทยานิพนธ์
และบ้างก็นำไปประมวลเป็นแนวคิดสำหรับการปฏิบัติงาน
สำหรับคำสัมภาษณ์ต่อไปนี้
ผมเก็บความจากการได้พูดคุยกับนักศึกษาคนหนึ่ง
แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องบันทึกว่าผมพูดเรื่องนี้กับใคร
และเนื้อหาที่ผมนำมาเขียนนั้นบางส่วนก็ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมจากการสนทนาในวันนั้น
นักศึกษา
อาจารย์มีความเห็นอย่างไรบ้างครับเกี่ยวกับการเปิดหลักสูตรสอนทางเว็บ
หรือ WBT ที่มีผู้วิจารณ์กันอยู่มากมายในเวลานี้
ตอบ
ผมไม่ได้อ่านหนังสือมากนักในเวลานี้จึงตอบไม่ได้
แต่อยากทราบว่าเขาวิจารณ์กันเรื่องอะไรครับ
นักศึกษา เขาวิจารณ์กันว่า
WBT
ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเรียนการสอนเด็กไทย
โดยเฉพาะการเปิดสอนระดับปริญญายิ่งไม่เหมาะสมใหญ่
ตอบ
ผมนึกออกแล้วครับ
เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังสนใจที่จะเปิดสอนทางอินเทอร์เน็ต
และสอนไปถึงระดับให้ปริญญากันเลย
ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณ
ผมขอแสดงความเห็นของผมเองว่า การให้การศึกษา หรือ
การสอนวิชาการต่าง ๆ
นั้นมีวัตถุประสงค์อยู่หลายอย่าง
อย่างแรกก็คือการถ่ายทอดให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระของวิชาที่สอนนั้นได้อย่างครบถ้วนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
เช่น ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องโฆษณา
ก็จะต้องมีความรู้จริงเกี่ยวกับกระบวนการโฆษณา
การจัดสื่อโฆษณา การดำเนินการ การประเมินผลกระทบ
ฯลฯ
อย่างที่สองก็คือต้องทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความคิด
สามารถอธิบายรายละเอียดของเรื่องที่ได้เรียนรู้
และแสดงความคิดเห็นของตนเองในด้านที่ตนเรียนมาได้
อย่างที่สามก็คือต้องนำความรู้นั้นไปประยุกต์ในด้านนั้น
ๆ ได้เป็นอย่างดี
และอย่างที่สี่ก็คือสามารถค้นคว้าเรื่องเกี่ยวข้องที่ยังไม่รู้
และทำวิจัยขยายขอบเขตของความรู้นั้นออกไปอีกได้
ในการที่จะเรียนรู้ให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์นี้ได้
นักศึกษาจำเป็นจะต้องมีวิธีการเรียนรู้ที่เป็นระบบ
มีการตั้งวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้
มีการวางแผนและตรวจสอบความเข้าใจเรื่องที่เรียนรู้
และ
มีอาจารย์คอยตรวจสอบว่านักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้จริงหรือไม่
การจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บในแบบ WBT
นั้น
หากอาจารย์หรือสถาบันที่เปิดสอนได้จัดให้นักศึกษาได้เรียนรู้ได้ตามแบบที่ผมอธิบายมานี้
ก็น่าเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ใช้ได้จริง
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปก็คือการไปเรียนในสถาบันการศึกษานั้นมีความแตกต่างไปจากการเรียนผ่านเว็บหรือไม่
การไปเรียนในสถาบันการศึกษานั้น
นักศึกษาไม่ได้เรียนรู้เฉพาะวิชาการอย่างเดียว
แต่ได้เรียนรู้เรื่องอื่น ๆ
ที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในสังคมด้วย
นอกจากนั้นสถาบันการศึกษายังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านช่องทางต่าง
ๆ อีกมากด้วย อาทิ
การเรียนกับอาจารย์ผู้สอนโดยตรง การเรียนรู้จาก
TA หรือ Teaching
Assistant
หรือผู้ช่วยสอนซึ่งหลายมหาวิทยาลัยเริ่มกำหนดให้มีแล้ว
การเรียนด้วยการปฏิบัติการในสนาม
การฟังคำบรรยายพิเศษของนักธุรกิจ ผู้บริหารประเทศ
หรือ
อาจารย์ชาวต่างประเทศที่เดินทางผ่านมาเยี่ยมสถาบัน
การรับคำแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่
หรือแม้แต่การเรียนจากเพื่อนร่วมชั้นด้วยกันเอง
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายที่ช่วยหล่อหลอมให้นักศึกษามีความรู้ความคิดเพิ่มเติมจากที่ได้รับจากชั้นเรียนตามปกติ
ทั้งนี้ยังไม่นับการที่นักศึกษาจะมีโอกาสได้เข้าไปศึกษาค้นคว้าในห้องสมุด
หรือพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัย (อาทิมหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์หลายอย่าง เช่น
พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์)
ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษากับอาจารย์
และระหว่างนักศึกษาด้วยกันเองนั้นมีความสำคัญมาก
และการสอนแบบ WBT ไม่สามารถให้สิ่งนี้ได้
ถาม
แต่เราก็สามารถจัดให้นักศึกษาสนทนาและสื่อสารกันได้นี่ครับ
เช่นใช้เว็บบอร์ดในการสื่อสาร
แลกเปลี่ยนความเห็นกัน หรือใช้อีเมลโต้ตอบหรือส่งงานอาจารย์
ตอบ
จริงครับ แต่การสื่อสารแบบนี้
คุณไม่ได้เห็นสีหน้าของคนที่คุณพูดคุยด้วย
คุณไม่ทราบว่าเขาคุยกับคุณด้วยความจริงจังมากขนาดไหน
หรือเขามีนิสัยใจคออย่างไรนี่ครับ
คุณได้อ่านแต่ข้อความซึ่งอาจจะไพเราะเพราะเขาแต่งข้อความมาอย่างดี
แต่ตอนที่เขาแต่งประโยคให้คุณอ่าน
เขาอาจจะกำลังยิ้มเยาะอยู่ก็ได้
การสื่อสารกันนั้นคุณจะต้องดูทั้งภาษากาย
ดูว่าเขากล้าสบตาคุณหรือไม่ เขามีท่าทางอย่างไร
สิ่งเหล่านี้เว็บบอร์ดช่วยคุณไม่ได้
คุณคงจำได้ว่ามีข่าวหลายข่าวที่เกี่ยวกับการหลอกลวงทางอีเมล
ผู้ชายหลอกผู้หญิงคู่สนทนาทางอีเมลหรือทางเว็บบอร์ดไปทำปู้ยี่ปู้ยำ
ถาม
การเรียนรู้ทางด้านวิชาการอย่างเดียวจนเก่งไม่พอหรือครับ
ส่วนความสัมพันธ์ค่อยไปสร้างเอาทีหลัง
ตอบ
ไม่พอหรอกครับ
อย่าลืมว่าคุณใช้เวลาเรียนระดับปริญญาตรีถึงสี่ปี
ในช่วงนี้คุณสามารถสร้างความเป็นมิตรกับเพื่อนในสถาบันของคุณได้มากด้วยกัน
และไม่จำกัดเฉพาะกับเพื่อนร่วมชั้นของคุณเท่านั้น
ระหว่างการทำกิจกรรมเช่นเล่นกีฬาหรือเชียร์กีฬา
หรือในชมรมต่าง ๆ
คุณจะได้รู้จักและสร้างมิตรภาพกับเพื่อนต่างคณะต่างสาขา
ตรงนี้มีความสำคัญมากในช่วงต่อ ๆ ไปของชีวิต
เพราะเมื่อคุณจบการศึกษาออกไปทำงานแล้ว คุณอาจจะต้อง
พึ่งพาอาศัยเพื่อนเหล่านี้มากทีเดียว
ในกรณีที่คุณเรียนทาง WBT
เมื่อคุณจบแล้วคุณก็เข้าทำงาน
แต่คุณอาจจะไม่เคยเข้าสังคม หรือเคยทำงานร่วมกับใคร
ๆ เลย คุณหวังจะสร้างมิตรภาพต่อจากนี้
นั่นก็ย่อมทำได้
แต่จะไม่สามารถทำได้กว้างขวางเท่ากับเมื่อคุณเรียนตามปกติ
เพราะส่วนมากคุณจะสร้างมิตรภาพได้เฉพาะกับเพื่อนร่วมงานเป็นส่วนใหญ่
และที่ต้องคำนึงถึงก็คือ
เพื่อนร่วมงานของคุณนั้นจำนวนมากก็คือคู่แข่งขันของคุณที่กำลังจะต้องแข่งกันเพื่อให้ได้ตำแหน่งงานที่สูงขึ้นในปิระมิดงานของหน่วยงาน
ผมไม่คิดว่าคุณจะได้เพื่อนร่วมงานที่จริงใจนักหากในส่วนลึกยังจะต้องแข่งขันกันเช่นนี้
แน่นอนครับคุณอาจจะโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรที่ดีบ้าง
แต่ผมคิดว่ามีน้อย
ผมมองว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ
และในยุคข้อมูลข่าวสารอย่างทุกวันนี้
เรายิ่งต้องมีสังคมมากขึ้น
ต้องสร้างมิตรภาพมากขึ้น
ระบบอินเทอร์เน็ตจะช่วยให้เราได้รับสิ่งเหล่านี้ทีหลังครับ
แต่ในตอนแรกเราต้องสร้างมิตรภาพด้วยวิธีปกติก่อน
ถาม
แต่สถาบันการศึกษาของไทยก็กำลังจะเสนอหลักสูตรวิชาต่าง
ๆ ให้เรียนผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น
อาจารย์คิดว่าจะเกิดปัญหาอย่างไรบ้างครับ
ตอบ
ผมคิดว่าคนที่เสนอหลักสูตรแบบนี้ไม่ได้มองวิธีการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เข้าใจ
และอาจจะทำให้การศึกษาของไทยในระยะยาวมีปัญหามากยิ่งขึ้น
ในขณะนี้ผมคิดว่าระบบการศึกษาของเรามีปัญหาสำคัญตรงที่ไม่ได้สร้างความใฝ่รู้ให้แก่นักเรียนนักศึกษาทุกระดับ
นักการศึกษาของเราจะมีความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาของไทยอย่างไรก็ตามทีเถอะ
แต่ผมคิดว่าปัญหาพื้นฐานคือเราไม่เคยสร้างความใฝ่รู้ให้แก่คนไทยเลยในรอบศตวรรษที่ผ่านมา
คนไทยทุกระดับถูกระบบการศึกษาทำลายความใฝ่รู้ไปหมด
เมื่อโตขึ้นเรียนจบและประกอบอาชีพแล้ว
คนไทยก็ไม่สนใจจะเรียนรู้อีก
เคยรู้อะไรมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาก็รู้อยู่แค่นั้น
จะรู้มากขึ้นก็เฉพาะข่าวสารที่ได้อ่านพบจากหนังสือพิมพ์หรือได้ยินได้เห็นทางโทรทัศน์เท่านั้น
ไม่มีใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเพราะคิดว่าไม่สำคัญต่อการประกอบอาชีพหรือการหาเงินอีกแล้ว
ที่พูดมานี้ผมนึกถึงบรรดาครูบาอาจารย์ด้วยนะครับ
ขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง
นานสักเกือบครึ่งศตวรรษมาแล้ว
ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม
มีอาจารย์ฝึกสอนคนหนึ่งมาสอนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียน
อาจารย์คนนี้สอนสนุกทำให้นักเรียนติดใจ
และบังเอิญว่าอาจารย์ฝึกสอนผู้นี้มีบ้านพักอยู่ใกล้บ้านของผมด้วย
คราวนี้วันนั้นมีข่าวทางวิทยุว่ารัสเซียยิงดาวเทียมสปุตนิกขึ้นสู่วงโคจรได้แล้ว
ผมตื่นเต้นมากจึงรีบกินข้าวเช้าแล้วหิ้วกระเป๋าไปบอกอาจารย์
แต่ผมก็ผิดหวังมากเพราะเขาไม่สนใจเลย
ไม่ได้นำเรื่องนี้มาอภิปรายในชั้นเรียนด้วยซ้ำ
คนไทยส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละครับ
คือไม่ตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ
ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรอบตัวเรา
ไม่ได้ตระหนักว่าคนไทยจะต้องแข่งขันกับคนชาติอี่น ๆ
อีกหลายร้อยเชื้อชาติ และขณะนี้ควาามคิดอ่านและความรู้ในทุกด้านของเรายังด้อยกว่าคนชาติอื่น
ๆ อีกมาก
ผู้บริหารประเทศจำนวนมากของเราก็ตามยุคสมัยไม่ทัน
และไม่สามารถสร้างอนาคตให้ไทยได้
หากเราสามารถสร้างความใฝ่รู้ให้แก่เด็กไทยได้แล้วละก็
จะสอนวิชาการทุกสาขาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตก็ทำไปเถอะครับ
ผมคิดว่าจะประสบความสำเร็จได้แน่
แต่กับคนไทยปัจจุบัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องยาก
เด็กทุกวันนี้ต้องการเรียนเพื่อรับประกาศนียบัตรมากกว่าเรียนเพื่อรู้
ดังนั้นเด็กเหล่านี้จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรมาง่าย
ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลอกกัน
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานศึกษาที่มีนโยบาย จ่ายครบ
จบแน่
และไม่ว่าจะเป็นการทำทุจริต
ต่างคนต่างพร้อมที่จะทำเพื่อแลกกับกระดาษแผ่นเดียว
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้
ผมจึงคิดว่าปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องคุณภาพ
เพราะการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นเราไม่สามารถคุมคุณภาพได้ร้อยเปอร์เซนต์
ลำพังสอนกันต่อหน้า
เรื่องที่สอนยังไม่ได้ซึมเข้าไปในสมองของนักศึกษาเลยครับ
แล้วการสอนผ่านอินเทอร์เน็ตที่อาจารย์คุมผู้เรียนไม่ได้เล่าจะขนาดไหน
ยิ่งนักศึกษาไทยจำนวนหนึ่งจ้องที่จะโกงระบบบ้าง
หรือทุจริตในการทำแบบฝึกหัดบ้าง หรือการสอบบ้าง
อย่างนี้คุณคิดว่าจะเชื่อถือคุณภาพของการสอนแบบนี้ได้สักแค่ไหนล่ะครับ
ต่อหน้า
2 |