มิติซ้อนมิติ
ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเรื่องลึกลับและลี้ลับ
เมื่อสามสิบปีก่อน ผมสะสมหนังสือประเภทมนุษย์ต่างดาว ไสยศาสตร์
และ เรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ เอาไว้มากมายเป็นร้อย ๆ เล่ม มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
หนังสือบางเล่มก็เขียนอย่างดีมีหลักฐานน่าเชื่อถือมาก แต่บางเล่มก็เขียนแบบเดาสุ่ม
ตอนนั้นผมนำเรื่องเหล่านั้นมาเขียนเผยแพร่ไปหลายตอน แต่เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าเนื้อหาที่เขียนไม่ได้ให้ความรู้อะไรแก่ผู้อ่าน
อีกทั้งเรื่องที่เขียนนั้นผมก็ไม่ได้ประสบมาด้วยตัวเอง อย่างเช่นเรื่อง
UFO ผมก็ไม่เคยเห็น แม้จะพยายามเลือกที่นั่งในเครื่องบินให้ใกล้หน้าต่าง
แล้วคอยมองดูท้องฟ้าเสมอ ๆ ก็ไม่เคยพบเห็นจานบินสักลำ ในที่สุดผมก็เลิกเขียน
แต่ยังอ่านอยู่
เมื่อเร็ว
ๆ นี้ผมไปพบหนังสือเรื่อง มิติซ้อนมิติ ของคุณวารุณี สวัสดิภักดิ์
เข้า จึงซื้อมาอ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำมาแนะนำให้อ่านกัน
คุณวารุณีเป็นชาวพุทธ์ซึ่งเดิมไม่ค่อยจะสนใจทำบุญทำทานมากนักจนกระทั่งวันหนึ่งเกิดปัญหาหูดับฟังอะไรไม่ได้ยิน
สามีของคุณวารุณีจึงพาเธอไปเข้าวัดและหัดนั่งสมาธิกับท่านพ่อซึ่งเป็นพระภิกษุที่มีศีลาจาวัตรงดงาม
เมื่อหัดนั่งสมาธิได้แล้วคุณวารุณีก็ได้ประจักษ์ว่าตนเองสามารถติดต่อและเห็นอีกภพภูมิหนึ่งได้
สามารถรู้ปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งเกิดความสังหรณ์ใจล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นได้
นั่นรวมไปถึงกรณีที่คุณวารุณีเห็นว่าท่านพ่อจะมรณภาพหลังจากสร้างพระอุโบสถเสร็จ
ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น
ข้อเขียนของคุณวารุณีในเล่มนี้ผู้อ่านหลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
แต่ผมเองกลับเห็นว่าเป็นความกล้าหาญของคุณวารุณีที่นำเรื่องเหล่านี้มาบอกเล่าให้เรารับทราบกัน
ผมเองเชื่อในเรื่องการตายแล้วเกิด (รวมทั้งตายแล้วสูญ) เชื่อในเรื่องภพภูมิต่าง
ๆ และเชื่อว่าคนที่มีความสามารถในการมองทะลุภพภูมิอย่างคุณวารุณีนั้นมีอยู่จริง
เพียงแต่การบอกให้คนอื่นทราบนั้นอาจจะถูกคนที่ไม่เชื่อหัวเราะเยาะเอาได้
ความเชื่อในเรื่องเหล่านี้มีมาคู่กับคนไทยนานหลายร้อยปีมาแล้ว
แต่ความเชื่อนั้นจะต้องเชื่อให้ถูกต้องตามหลักการของพุทธศาสนา
ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อเรื่องกรรม ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่า กรรมมีส่วนกำหนดให้เรามาเกิดและดำรงอยู่ในสภาพปัจจุบันก็จริงอยู่
อย่างไรก็ตามการกระทำของเราตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นกรรมเหมือนกัน
และ การกระทำนั้นก็มีส่วนกำหนดให้เราเป็นสิ่งที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยไม่ใช่กรรมในอดีตชาติอย่างเดียว
ดังนั้นเราจะต้องคิดดี พูดดี ทำดี เพื่อให้เกิดเป็นการกระทำที่ดี
ซึ่งก็จะทำให้เป็นกรรมใหม่ที่จะส่งผลต่อ ๆ ไปในทางที่ดีแก่ตัวเรา
ยกตัวอย่างเช่น
บางคนเกิดมาสมองดีมีความจำดีเรียนอะไรก็รู้ตามได้รวดเร็ว นั่นอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งของกรรมในอดีตชาติ
แต่ถ้ามาในชาตินี้ไม่ได้พยายามขวนขวายเรียน ไม่ได้ตั้งใจเรียน
ก็จะไม่สามารถทำคะแนนได้ดีจนกระทั่งเป็นดุษฎีบัณฑิตได้ อีกนัยหนึ่งก็คือ
กรรมในอดีตอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนเป็นด็อกเตอร์ได้ ต้องอาศัยการศึกษาอย่างจริงจังและคร่ำเคร่งด้วย
แต่ก็อีกนั่นแหละ แม้จะมีกรรมในอดีตชาติที่ส่งเสริมผลักดันให้ได้เรียน
แม้จะศึกษาอย่างคร่ำเคร่งมากมายซึ่งเป็นกรรมที่เกื้อหนุนส่งเสริมมากมาย
แต่ก็อาจจะไม่สามารถได้ปริญญาเอกได้ เพราะมีกรรมอื่นในอดีตมาขัดขวาง
และบางคนอาจจะมีอุปฆาตกรรมจากอดีตมาตัดรอนพรากชีวิตไปโดยไม่ทันจะจบด้วยซ้ำ
ย้อนกลับมาที่หนังสือเรื่องมิติซ้อนมิติอีกครั้ง
หนังสือนี้ความจริงมีสองส่วน ส่วนที่คุณวารุณีเขียนเองส่วนหนึ่ง
และ ส่วนที่ทางสำนักพิมพ์ได้ขอให้ผู้ที่คุณวารุณีเคยช่วยเหลือได้ส่งเป็นเรื่องเข้ามาร่วมตีพิมพ์ด้วย
ผมจะไม่วิจารณ์เนื้อหาที่คุณวารุณีและผู้อื่นเขียนในที่นี่ แต่อยากจะเชิญชวนให้ลองหาซื้อมาอ่านกันเองก็แล้วกัน
|