พุทธประวัติทัศนศึกษา
พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถระ ราชบัณฑิต)
กองทุนบุญนิธิ หอไตร วัดราชโอรสาราม
พ.ศ. 2541
ชาวพุทธไทยที่สติไม่ได้วิปลาสคลาดเคลื่อนย่อมต้องการให้ประเทศไทย
ประกาศโดยเปิดเผยว่าเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ แต่แล้วปวง
สสร. ที่เราเลือกเข้าไปทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญก็หาได้กล้าประกาศเช่นนั้นไม่
ต่างก็อ้างว่าปัจจุบันนี้คนทั่วโลกต้องนับถือในสิทธิมนุษยชน นั่นคือต้องยินยอมให้คนในชาตินับถือศาสนาใดก็ได้
และต้องไม่มีการแบ่งชั้น วรรณะ อายุ และ เพศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ประเทศอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ก็ไม่ได้รีรอที่จะประกาศว่าประเทศเขาเป็นมุสลิม
หรือประเทศทางตะวันออกกลางทั้งหลายก็เช่นกัน
ที่เป็นเช่นนี้
ความจริงแล้วไม่ใช่อะไรหรอก หากเป็นเพราะนักวิชาการและคนชั้นปกครองของไทยนั้น
ไปหลงคารมฝรั่งที่หลอกให้เราดำเนินการต่างๆ ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา
รวมทั้งการที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งในไทยเริ่มอ่อนศรัทธาลงเพราะบรรดานักบวชจำพวกสมีทั้งหลายที่ประพฤติผิดพระวินัย
หรือการที่หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวเกินความจำเป็นนั้น ก็น่าจะเป็นผลงานบ่อนทำลายของบรรดาผู้ฝักใฝ่ศาสนาอื่น
ที่มุ่งหวังทำลายศาสนาพุทธนั่นเอง
ผมขอประกาศยืนยันว่า
ในบรรดาศาสนาทั้งหลายทั้งปวงนั้น หาได้มีศาสนาอื่นใดไม่ที่เป็นเหตุเป็นผล
ประกอบด้วยศาสดาที่มีพระปัญญาบารมีล้ำเลิศ สามารถสั่งสอนเวไนยสัตว์ด้วยพระธรรมอันเป็นสัจจะ
พระธรรมที่ทรงสั่งสอนตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายล้วนสอดประสานผนึกเป็นใยตาข่ายที่แนบแน่น
หาได้มีช่องโหว่บกพร่องแม้แต่น้อยนิดไม่ ด้วยเหตุนี้จึงสมควรที่ชาวไทยที่มีปัญญาทุกคนจะต้องสนใจศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจลึกซึ้ง
เพื่อจะได้เข้าถึงโลกุตรธรรมอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายได้ทุกคน
การที่จะศึกษาทำความเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นอาจจะกระทำได้หลายวิธี
บางคนอาจจะเลือกวิธีตรง นั่นก็คือการขอเข้าบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วพยายามศึกษาปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงพระนิพพาน
แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกที่ปุถุชนผู้มีภาระมากอย่างพวกเราสามารถปฏิบัติได้
นั่นก็คือการศึกษาจากตำรับตำรา และ พยายามเข้าไปหาพระภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตรเพื่อเรียนรู้หัวข้อธรรมะต่างๆ
ที่ลึกซึ้งเกินความเข้าใจ
ปัจจุบันนี้มีผู้พิมพ์หนังสือทางพุทธศาสนาออกมามากด้วยกัน
ส่วนมากเป็นหนังสือที่สอนพุทธศาสนาระดับศีลธรรม สำหรับชาวไทยส่วนใหญ่
อาทิหนังสือของท่านพุทธทาส นักปราชญ์แห่งดินแดนภาคใต้ หนังสือสวดมนต์
หนังสือพระเครื่องพระบูชา ส่วนหนังสือระดับปฏิบัติธรรมในสายครูบาอาจารย์ต่างๆ
นั้นก็พอมีอยู่บ้างแต่ค่อนข้างน้อย ส่วนหนังสือที่มุ่งตรงไปสู่ความรู้ที่ถูกต้อง
และสามารถเชื่อมต่อชีวิตประจำวันไปยังปรมัตถสัจจะนั้น หาได้ยากมาก
จะมีบ้างก็พิมพ์เพียงน้อยเล่ม อีกทั้งยังจะต้องสอบถามและเสาะหามาอ่านกันด้วยความมานะบากบั่น
ผมต้องการนำหนังสือแบบนี้มาแนะนำสักหลายๆ
เล่ม แต่สำหรับในตอนนี้ ขอเล่มง่ายๆ ก่อน นั่นคือพุทธประวัติทัศนศึกษา
ที่ประพันธ์โดย พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม ผู้เป็นราชบัณฑิตทางวรรณศิลป์
หนังสือพุทธประวัตินั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายเล่ม
แต่เล่มที่นำมาแนะนำนี้ประกอบด้วยภาพสีที่ถ่ายจากสังเวชนียสถานในอินเดีย
และ ภาพขาวดำอีกจำนวนหนึ่งที่ถ่ายจากภาพเขียนพุทธประวัติจากวัดต่างๆ
และนั่นคือที่มาของคำว่าทัศนศึกษา
ความจริงแล้วเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัตินั้นมีมากมายมหาศาล
มีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์เป็นจำนวนมาก และแต่ละคนก็มีเรื่องให้ศึกษามากทีเดียว
เพราะเรื่องแต่ละเรื่องนั้นประกอบด้วยข้อธรรมที่น่าหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหาเหตุผลและทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม หากนำเรื่องเหล่านั้นมาประมวลรวมกันไว้เป็นพุทธประวัติก็จะยืดยาวมาก
ดังนั้นท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรมจึงได้ใช้วิจารณญาณหยิบยกแต่เฉพาะเรื่องอันสำคัญมาประพันธ์เรียงร้อยไว้ในหนังสือเล่มนี้เท่านั้น
ข้อนี้อาจจะไม่จุใจท่านที่สนใจจะอ่านสำนวนอันไพเราะของพระคุณเจ้า เพราะมีเรื่องอีกมากหลายที่มิได้ปรากฎในหนังสือเล่มนี้
ผมเองได้อ่านหนังสือพุทธประวัติสำนวนต่างๆ
มามาก แต่เมื่อได้มาอ่านสำนวนของท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรมก็มีความซาบซึ้งในพระปัญญาบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
อย่างไรก็ตามมีหลายเรื่องซึ่งสุดวิสัยที่ปุถุชนธรรมดาจะเข้าใจได้ อาทิ
เรื่องที่พระพุทธเจ้าเสด็จเสวยวิมุติสุขและทรงพิจารณาธรรมะต่างๆ ที่ทรงตรัสรู้เป็นเวลานาน
49 วันนั้น ในหนังสือพุทธประวัติบางเล่มหามีใครกล้ากล่าวถึงพระกรณียกิจอื่นๆ
เช่น ได้ทรงเสวยพระกระยาหารบ้างหรือไม่ แต่ในหนังสือเล่มนี้ได้เขียนไว้ชัดเจนว่า
ไม่ได้ทรงเสวยเลย เรื่องเช่นนี้อาจจะแปลกประหลาดสำหรับพวกเราทั่วไป
แต่โดยพุทธวิสัยแล้วย่อมมิใช่ของแปลกแต่ประการใดเลย
พุทธประวัติดังที่ปรากฎในหนังสือเล่มนี้นั้นย่อมเกี่ยวข้องกับเทวดาหลายองค์
ชาวพุทธหัวใหม่ย่อมไม่สนใจเรื่องนี้แลเห็นว่าเป็นเรื่องคร่ำครึ หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เขียนเชิงภาษาธรรม
หรือเขียนในเชิงปุคลาธิษฐาน ไม่ใช่เรื่องอันพึงใส่ใจ บางท่านยังเขียนขยายความต่อไปด้วยว่าพระพุทธเจ้านั้นได้ทรงศึกษาศาสนาพราหมณ์อันเต็มไปด้วยทวยเทพมาก่อน
ดังนั้นเมื่อประกาศศาสนาจึงได้ลดศักดิ์ศรีของเทพเหล่านั้นให้มาเป็นพุทธสาวก
เพื่อประโยชน์ในการปลูกฝังพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นในจิตใจของประชาชนที่เชื่อในเรื่องเทวดามาอย่างแน่นแฟ้น
ผมมีความเห็นว่า
คนที่เขียนขยายความเช่นนี้กำลังดูหมิ่นพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เพราะโครงสร้างของโลก
จักรวาล และสิ่งมีชีวิต ทางพุทธศาสนานั้นต่างรวมภพภูมิต่างๆ เอาไว้มากมายด้วยกัน
หากปฏิเสธเทวดาก็เท่ากับปฏิเสธพระสัทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปด้วย
เรื่องทางพุทธศาสนานั้นมีอีกมากที่จะต้องใช้เวลาศึกษาชั่วชีวิต
ผมจึงอยากเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านรีบขวนขวายศึกษาพุทธศาสนาในแง่มุมต่างๆ
ก่อนที่ท่านจะตื่นขึ้นมาแล้วร้องเสียดายที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำความเข้าใจธรรมะอันประเสริฐ
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่าน
|